กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน เอฟเอ (KFI3MFA) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง, ตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ และตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A., ประเทศบราซิล นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน แอล (KEFI3ML) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า, เงินฝาก PT Bank Danamon Indonesia Tbk, ประเทศอินโดนีเชีย, ตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
สำหรับมุมมองด้านการลงทุนในตราสารหนี้ภายในประเทศในช่วงนี้ มองว่าแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำหรืออาจปรับตัวลดลงได้ โดยปัจจัยหลักมาจากการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ภายในช่วงไตรมาสที่ 1/2558 ว่ามีโอกาสที่ กนง. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เป็น 1.75% จากระดับปัจจุบันที่ 2.00% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมภายหลังการประเมินอัตราเงินเฟ้อของไทยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ และแรงกดดันจากตัวเลขการเติบโต GDP ของไทยที่ยังคงชะลอตัว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ การดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางในภูมิภาคหลักๆ อาทิ ยุโรป ญี่ปุ่น ที่มีการอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติมเข้าสู่ระบบ ผลักดันให้มีเม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทย โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรรัฐบาล และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้น้อย และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้กระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้ต่างประเทศแบบที่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน (Term Fund) เพื่อล็อกอัตราผลตอบแทนไว้ก่อน และลดความเสี่ยงจากการปรับตัวของราคาพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งในสัปดาห์นี้ บลจ.กสิกรไทยยังคงเปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภท Term Fund อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนกับกองทุน KFI3MFA ได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท และสามารถลงทุนกับกองทุน KEFI3ML ได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท