นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ ของ TK กล่าวว่า บริษัทมีความสนใจที่จะยื่นขอใบอนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เพื่อขอดำเนินการสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ(สินเชื่อ Nano-Finance)เพื่อเสริมรายได้ให้กับธุรกิจปัจจุบันที่ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ประกอบกับปัจจุบันมีฐานข้อมูลลูกค้าและมีสาขา รวมถึงพนักงานเพียงพอที่จะให้บริการสินเชื่อประเภทอื่นเพิ่มเติมได้
"เราต้องดูว่าจะ screen ลูกค้าได้ขนาดไหน จากอัตราดอกเบี้ยเราน่าจะทำได้เพราะอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง แต่ก็มีโอกาสที่หนี้เสียจะสูงกว่าแน่นอน...แต่เราน่าจะบริหารจัดการได้"นายประพล กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
วันนี้ กระทรวงการคลังและธปท.ได้ร่วมกันจัดทำมาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อย (Nano-Finance) โดยอนุญาตให้มีนิติบุคคลประเภทใหม่ในระบบสถาบันการเงินไทยเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบอาชีพรายย่อย โดยกำหนอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง(Effective rate)ไม่เกิน 36% ต่อปี ขณะที่คุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจจะต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนที่มีทุนจดทะเบียน ซึ่งชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท และต้องยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจจาก รมว.คลังผ่าน ธปท.
นายประพล กล่าวว่า หลังจากบริษัทนี้จะใช้เวลาศึกษากฎเกณฑ์ของนาโนไฟแนนซ์ระยะหนึ่งก่อนจะยื่นขอจัดตั้ง ซึ่งหากได้รับการอนุมัติบริษัทก็พร้อมจะดำเนินการได้ภายในปีนี้ ส่วนปัญหาหนี้เสียที่มีโอกาสเกิดขึ้นนั้น คงจะต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งในการประเมิน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับการขยายพอร์ตสินเชื่อดังกล่าวด้วยว่าจะมีความรวดเร็วมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทมีแผนจะรักษาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ไว้ในระดับไม่เกิน 5% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ตั้งเป้าหมายสินเชื่อรวมเติบโตระดับ 3-5% จากที่หดตัวในปีก่อน ซึ่งจะมาจากการขยายสาขา และยังเติบโตตามตลาดรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ขณะที่มองการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยเฉพาะในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่จะช่วยหนุนภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในประเทศได้ ซึ่งมีส่วนผลักดันให้กำไรของบริษัทกลับมาเติบโตได้ในปีนี้หลังจากที่ลดลงในปีที่แล้ว
นายประพล กล่าวว่า อัตราการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ยังเป็นเพียงตัวเลขหลักเดียว เนื่องจากมีความกังวลต่อหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และการส่งออกของไทยยังมีอัตราติดลบติดต่อกัน 2 ปีซ้อน
"สินเชื่อฟื้นได้ แต่คงเป็นค่อยๆทยอยฟื้น กำไรปีนี้ถ้าไม่มีเหตุการณ์พิเศษน่าจะกลับมาดีขึ้น ปีที่แล้วผลประกอบการลดลงพอสมควร ส่วนหนึ่งในช่วง 2 ปี ปี 56-57 เราเร่งตัดหนี้สูญและตั้งสำรองมากขึ้น ปีนี้คงไม่ตั้งสำรองมากเหมือนในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว"นายประพล กล่าว
อนึ่ง TK มีพอร์ตสินเชื่อส่วนใหญ่มาจากรถจักรยานยนต์ ขณะที่มีพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ราว 10-15% ขณะที่บริษัทยังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินงานในปี 57 แต่ในงวด 9 เดือนแรกปี 57 ทำกำไรสุทธิได้เพียง 117.48 ล้านบาท โดยมีพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ประมาณ 8 พันล้านบาท ขณะที่ทั้งปี 56 มีกำไรสุทธิ 428.68 ล้านบาท
นายประพล กล่าวอีกว่า บริษัทยังให้ความสนใจที่จะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม โดยเฉพาะในแถบประเทศเพื่อนบ้าน จากปัจจุบันที่ได้เข้าไปลงทุนในลาว และกัมพูชาแล้วในช่วงไตรมาส 4/57