"เชื่อว่า Feed in Tariff จะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดในระยะเวลาสั้นได้อีกด้วย"นายเชิดศักดิ์ กล่าว
นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทจะได้รับปจจัยบวกจากการเปลี่ยนระบบอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน(ไม่รวมพลังงานแสงอาทิตย์) เป็นระบบ FiT ในปี 58 เนื่องจากบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากชีวมวล ซึ่งประกอบด้วย บริษัท พัทลุง กรีน เพาเวอร์ จำกัด ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าเสนอขาย 9.2 เมกะวัตต์ บริษัท สตูล กรีน เพาเวอร์ จำกัด ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าเสนอขาย 9.2 เมกะวัตต์ และ บริษัท แม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ จำกัด ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าเสนอขาย 8 เมกะวัตต์ ทำให้บริษัทขายไฟฟ้าในระบบ FiT ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)เพิ่มขึ้นเป็น 4.54 บาท/หน่วย จากระบบเดิม Adder อยู่ที่ 3.47 บาท/หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 1.07 บาท/หน่วย
สำหรับระบบ FiT จะมีราคารับซื้อไฟฟ้าที่แน่นอนตามระยะเวลาสนับสนุนโครงการ 20 ปี แตกต่างจากระบบก่อนหน้า Adder ซึ่งราคารับซื้อไฟฟ้าจะเคลื่อนไหวไปตามค่าไฟฐาน (Base Tariff ) บวกค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(Ft) โดยรูปแบบใหม่จะมี FiT premium เป็นระยะเวลา 8 ปี เพิ่มขึ้นจากเดิมในระบบ Adder ที่จะมีเงินอุดหนุนเป็นระยะเวลา 7 ปี สำหรับโรงไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าประเภทชีวมวล อย่างไรก็ตามราคาค่าไฟในระบบ FiT อาจมีการปรับขึ้นลงตามอัตราเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ การที่บริษัทมีโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอพิเศษ ที่ได้รับส่วนเพิ่มเติมพิเศษในรูป Feed in Tariff Premium อีก 0.50 บาท ตลอดอายุโครงการ ซึ่งแต่ก่อนเคยได้รับส่วนเพิ่มเติมจาก Adder ปกติเมื่อก่อสร้างในจังหวัดอื่นๆ อีก 1.00 บาท เป็นเวลาเพียง 7 ปี