เช้าวันนี้นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ PTT เป็นประธานในพิธีเปิดนิเวศอุตสาหกรรมวนารมย์ กลุ่มปตท. โดยมีนายภิญโญ ประกอบผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และนายวีระพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)เข้าร่ววมเปิดอาคารสำนักงานสีเขียว โรงผลิตน้ำอุตสาหกรรม และศูนย์เรียนรู้ป่านิเวศระยองวนารมย์ กลุ่มปตท.ด้วย
นายไพรินทร์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 55 ปตท. ได้เริ่มดำเนิน “โครงการพัฒนาต้นแบบเขตอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย" เพื่อยกระดับให้พื้นที่แห่งนี้เป็นต้นแบบเขตอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “นิเวศอุตสาหกรรมวนารมย์ กลุ่ม ปตท." ซึ่งมีความพร้อมทั้งส่วนของสาธารณูปโภคพื้นฐาน อาคารสำนักงานสีเขียว โรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ ศูนย์เรียนรู้ป่านิเวศระยองวนารมย์
โครงการดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้ทั้งอุตสาหกรรม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเกื้อกูลและยั่งยืน ซึ่ง PTT WEcoZI จะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมของระยอง เพราะไม่ได้เป็นเพียงการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในวงการอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการพัฒนาสู่ "นิเวศอุตสาหกรรม" หรือ "Eco Zone Industries" เพื่อให้อุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
PTT WEcoZI (PTT Wanarom Eco Zone Industries) ครอบคลุมพื้นที่ 1,500 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมเซีย เพื่อเป็นต้นแบบของเขตอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในจ.ระยอง ซึ่งมีแนวทางการพัฒนาตามหลักคิดการเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างยั่งยืน และมุ่งสร้างความสมดุลระหว่าง อุตสาหกรรม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ภายในพื้นที่ PTT WEcoZI แห่งนี้ประกอบด้วย พื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green/Eco) ด้วยอุตสาหกรรมชีวภาพ (Bio Chemical) อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (High Technology) และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี (Petrochemical)
พื้นที่ระบบสาธารณูปโภค เน้นการออกแบบเชิง Eco อาทิ โรงผลิตน้ำอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีเมมเบรน ระบบสาธารณูปโภคส่วนกลาง ที่เรียกว่า Eco PCU (Eco PTT Central Utilities) ระบบไฟส่องสว่างจากเซลแสงอาทิตย์ เป็นต้น, พื้นที่อาคารสำนักงานสีเขียว (Green Office Building) ซึ่งเป็นต้นแบบนวัตกรรมอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามเกณฑ์ LEED
ทั้งนี้ พื้นที่ป่านิเวศระยองวนารมย์ กลุ่ม ปตท. เป็นพื้นที่แนวกำแพงธรรมชาติ (Protection Strip) ในรูปแบบของป่านิเวศ ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อปี 56 โดยปัจจุบันป่านิเวศแห่งนี้สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงกว่าป่าทั่วไปถึง 2 เท่าและยังผลิตอากาศบริสุทธิ์คืนสู่ธรรมชาติได้กว่า 700 ตัน และยังพบความหลากหลายทางชีวภาพเกิดขึ้นกว่า 172 ชนิด