โดยเช้านี้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบ เช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงไปราว 195 จุด ส่วนหนึ่งมาจากที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯยังไม่ค่อยดี และเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับคำแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ที่แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้
ด้วยปัจจัยโดยรวมดังกล่าวแล้ว และตลาดฯขณะนี้ยังไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา ทำให้ตลาดบ้านเราจึงมีโอกาสที่จะปรับฐานได้อยู่ พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(28 ม.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,191.37 จุด ร่วงลง 195.84 จุด(-1.13%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,637.99 จุด ลดลง 43.51 จุด(-0.93%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,002.16 จุด ลดลง 27.39 จุด(-1.35%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 128.82 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 46.74 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 216.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 31.56 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 10.75 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 16.78 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 4.29 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(28 ม.ค.58)1,592.81 จุด เพิ่มขึ้น 3.00 จุด(+0.19%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,599.25 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ม.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(28 ม.ค.58) ปิดที่ 44.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.78 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(28 ม.ค.58)ที่ 8.39 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.59/61 แนวโน้มทรงตัวหลังเฟดยังคงดอกเบี้ย
- กนง.ประเมินสถานการณ์ทุนเคลื่อนย้าย หลังจากหลายประเทศเข้าสู่ "สงครามค่าเงิน" ชี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อไทยมาก คาดไหลเข้าไม่มากเหมือนกรณีสหรัฐฯ พร้อมมีมติ 5 ต่อ 2 "คง" ดอกเบี้ยนโยบาย 2% ด้าน "ปรีดิยาธร"เผยเงินไหลเข้า ค่าบาทยังมีเสถียรภาพ ยังไม่เห็นผลกระทบต่อส่งออก ขณะ "บัณฑูร" แนะรัฐควรเร่งเบิกจ่ายมากกว่า
- กบง.ถกศุกร์นี้ ขึ้นราคาเอ็นจีวี ศุกร์นี้พร้อมเตรียมขึ้นสรรพสามิตดีเซล 1 บาทต่อลิตร ด้านกระทรวงพลังงานโยนให้ปตท.ดูแล ผู้มีรายได้น้อยใช้แอลพีจีราคาถูก หลังลอยตัวราคาในวันที่ 2 ก.พ. 2558
- "คลัง" ชี้ภาวะเศรษฐกิจปีนี้หนุนธุรกิจอสังหาฯ ขยายตัว 5% ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจตลาดเงิน-สินเชื่อ มองภาพรวมธุรกิจอสังหาฯปีนี้ยังไปได้ แต่ไม่ใช่ปีทอง เหตุสต็อกที่อยู่อาศัยยังเหลือ 1.65 แสนยูนิต กำลังซื้อต่ำ-หนี้ครัวเรือนสูง-ยอดจ่ายหนี้บ้านต่อเดือนลด ระบุผู้ประกอบอยู่ในช่วงปรับตัว ขณะที่แบงก์เพิ่มความระมัดระวังปล่อยสินเชื่อ
- ปรีดิยาธร เผย "ไอเอ็มเอฟ" เสนอแนะ 3 แนวทาง ให้รัฐบาลไทยเร่งดำเนินการด่วน "เร่งรัดการลงทุน-ปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน-ผลักดันปรับขึ้นภาษี" เพื่อหนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ยอมรับจำเป็นต้องจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมบางรายการ เพื่อเพิ่มสัดส่วนงบประมาณการลงทุนเพิ่มขึ้น
- รมช.คลังคาดจีดีพีปีนี้โต 3.5-4% หนุนภาคอสังหาฯ โตกว่า 5% ยันเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี แต่ต้องระวังเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน "สมหมายลั่น" เตรียมหามาตรการเพิ่มเติม ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ชง ครม.ภายใน ก.พ.
- ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนายหลุยส์ อี บริวเออร์ ผู้แทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เข้าหารือ ว่า ได้ให้ข้อมูลกับไอเอ็มเอฟว่ารัฐบาลมีแผนเร่งการลงทุนและการใช้จ่ายของประชาชน รวมถึงมีมาตรการสนับสนุนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ภาษีมรดก ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งผู้แทนไอเอ็มเอฟเห็นด้วยและสนับสนุนการปรับโครงสร้างภาษี และยังได้สอบถามถึงการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) แต่ได้ให้ความเห็นไปว่ายังต้องใช้เวลาพิจารณา เพราะขณะนี้ประเทศยังไม่มีรายได้เพียงพอที่จะขึ้นภาษี
- นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ไทยจะมีการลงทุนด้านโครงสร้าง พื้นฐานของประเทศอีก 1.9 ล้านล้านบาท ในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ซึ่งคลังตั้งเป้าว่าจะใช้วิธีการร่วมลงทุนรัฐกับเอกชน (พีพีพี) ถึง 20% ของวงเงินลงทุนทั้งหมด หรือประมาณ 3.8 แสนล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCC(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 520 บาท กำไรสุทธิใน 4Q14 +13% Q-Q, +11% Y-Y ดีกว่าที่คาด 15% จากธุรกิจปิโตรเคมีที่มียอดขายเพิ่มมากกว่าคาด ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2014 -8% Y-Y โดยยังคงคาดกำไรสุทธิปี 2015 ฟื้น +22% เป็น 4.12 หมื่นล้านบาท จากการขยายกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ในกัมพูชาและอินโดนีเซีย และฟื้นตัวตามการลงทุนในประเทศ รวมถึงธุรกิจปิโตรเคมีที่จะฟื้นจากปีก่อน ทั้งนี้ SCC จะจ่ายปันผล 7 บาท/หุ้น (yield 1.5%) XD 31 มี.ค. จ่ายเงิน 23 เม.ย. 2015
- DCC(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 6.80 บาท รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/57 ที่ 271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และทรงตัว QoQ ต่ำกว่าคาด โดยจะทำการพิจารณาประมาณการอีกครั้งหลังกำไรปี 2557 น่าผิดหวัง ซึ่งโดยหลักเป็นผลจากยอดขายที่อ่อนตัว แม้กำไรสุทธิจะต่ำกว่าคาด แต่กำไรของบริษัทนั้นเติบโต YoY เป็นครั้งแรกตั้งแต่ไตรมาส 3/56 ซึ่งบ่งชี้ถึงสัญญาณฟื้นตัว
- AAV(โกลเบล็ก)เป้า Consensus สูงสุดที่ 7 บาท คาดกำไรปี 2558 ฟื้นตัวแข็งแกร่งเนื่องจากได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่มสายการบินจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรง โดยทำ Hedging ไว้ล่วงหน้าเพียง 15% (ต่ำสุดในอุตฯ) และสัญญา Hedging จะหมดใน ก.พ.2558 ส่งผลให้ต้นทุนลดลงและคาดว่ากำไรจะเติบโตขึ้น อีกทั้งเข้าสู่ช่วง High season การท่องเที่ยว และได้อานิสงส์จากโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ด้าน consensus คาด 4Q57 พลิกมีกำไรราว 350 ล้านบาท และทั้งปี 57 มีกำไรที่ 100 ล้านบาท
- ADVANC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ทยอยสะสม" เป้า 320 บาท คาดกำไรปกติ 4Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 9,877 ล้านบาท เติบโต +9% yoy และ +12% qoq เนื่องจากรายได้ Non-Voice เติบโตถึง +40% yoy จากจำนวนผู้ใช้บริการ 3G ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +17.4% yoy เป็น 43,183 ล้านบาท และการประมูล 4G ในปี 2558 จะเป็น Catalyst ให้กับราคาหุ้น และ ADVANC ได้ประโยชน์โดยตรงเนื่องจากคลื่น 900 MHz จะหมดอายุสัมปทานในปี 2558 ดังนั้น หากการประมูล 4G เกิดขึ้นในปีนี้จะส่งผลให้ตลาดเลิกกังวลต่อการบริหารจัดการคลื่นความถี่ของบริษัท อีกทั้งผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี คาดการณ์เงินปันผล 2H57 หุ้นละ 6.09 บาท คิดเป็น Dividend Yield 2.4% และปี 2558 หุ้นละ 14.23 บาท คิดเป็น Dividend Yield 5.6%