ทั้งนี้ ด้วยสภาพคล่องที่ล้นตลาดและอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำมาก บริษัทจึงแนะนำให้ Overweight การลงทุนในหุ้นของกลุ่มประเทศในเอเชีย ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น และหุ้นในสหรัฐฯ ด้านกองทุนรวม แนะนำให้ Overweight ในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่โครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ ยังแนะนำให้นักลงทุนจับจังหวะการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการปรับตัวของราคาลงมาค่อนข้างมาก เช่น น้ำมัน รวมถึงกองทุนน้ำมัน และทองคำ รวมถึงกองทุนทองคำ โดยตั้งเป้าผลตอบแทนในการลงทุน และขายออกทำกำไรเมื่อได้รับผลตอบแทนตามเป้าเพื่อล็อกผลกำไรและลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนโดยรวม
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย ให้มุมมองการลงทุนในปีนี้ว่า เศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยตั้งเป้าดัชนีปี 58 ที่ 1,770 จุด จากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับ 4.5% และกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต 15.0% การลงทุนภาครัฐและเอกชนจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำก็เป็นปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และเงินทุนจากต่างประเทศยังคงไหลเข้า แต่จะสลับกับการขายทำกำไร และกลับไปถือดอลลาร์ กลับไปกลับมาเมื่อ Valuation ของตลาดใดตลาดหนึ่งเริ่มแพง
สำหรับหุ้นที่บริษัทแนะนำให้ Overweight หุ้นในกลุ่มธนาคาร จาก Valuation ไม่แพง กำไรโตตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แนะนำ KBANK, BBL, KTB และ TMB, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ได้ประโยชน์เต็ม ๆ จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล, กลุ่มค้าปลีกค้าส่งได้ประโยชน์ตรงจากการฟื้นตัวของการบริโภค ได้แก่ GLOBAL, กล่มอาหาร หมวดการบริโภคที่จำเป็นมีการเจริญเติบโตของกำไรเป็นปกติดีมาตลอด, กลุ่มสื่อสาร รับประโยชน์จากการประมูล 4G ตั้งแต่เดือน ก.ค.แนะนำ INTUCH, THCOM, SIM
และกลุ่มรับเหมา แม้จะไม่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานผู้รับเหมาหลักก็มีงานเต็มมืออยู่แล้ว โครงการภาครัฐใหม่จะทำให้มีงานในมือไปอีก 8 ปี เต็ม แนะนำ STPI และ PYLON ที่เหลือเก็งกำไรได้ตามข่าวการประมูลโครงการ