นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ ของ CKP คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 5-8% จากปีก่อนที่คาดจะทำรายได้ระดับ 7 พันล้านบาท โดยรายได้ในปีนี้จะเติบโตได้ไม่มากนัก เพราะยังไม่มีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาใหม่ แต่คาดว่ารายได้จะเติบโตก้าวกระโดดในปี 60 หลังจากที่โรงไฟฟ้าบางปะอินเฟส 2 (BIC-2 ) ขนาด 120 เมกะวัตต์ จะเริ่มจ่ายไฟฟ้า
ส่วนการเข้าซื้อหุ้น 30% ในบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) จากบมจ.ช.การช่าง (CK) นั้น จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดเป็น 2,160 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 755 เมกะวัตต์ หรือเติบโต 3 เท่าตัว โดยบริษัทคาดว่าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งนี้ 10-15%
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน 5,600 ล้านบาท นำไปจ่ายค่าหุ้นให้กับ CK จำนวน 4,344 ล้านบาทและอีก1,266 ล้านบาทใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในปี 58-59 ขณะเดียวกันบริษัทจะต้องจ่ายส่วนเงินลงทุนของโครงการไซยะบุรีในอีก 5 ปี รวมเป็นเงิน 5,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะได้เงินจากการออกวอแรนต์ 11,120 ล้านบาทมาใช้ลงทุนดังกล่าวได้
XPCL เป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ในลาว มีกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ และจะขายไฟฟ้ากลับมาไทยจำนวน 1,220 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 29 ปีเริ่มตั้งแต่ปี 62 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
นางสาวสุภามาส กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาโครงการพลังงานในพม่าซึ่งบริษัทได้ทำการศึกษามา 2-3 ปีแล้ว และคาดในปีนี้น่าจะความชัดเจนอย่างน้อย 1 แห่ง นอกจากนี้ยังได้เจรจาซื้อกิจการและร่วมลงทุน (M&A) ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ซึ่งคาดว่าปีนี้น่าจะสรุปได้อย่างน้อย 1 แห่ง
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมยื่นขอสร้างโรงไฟฟ้า SPP ในนิคมอุตสาหกรรม 8 แห่งมีกำลังการผลิตแห่งละ 120 เมกะวัตต์ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 5 พันล้านบาท/แห่ง โดยขณะนี้รอความชัดเจนจากภาครัฐและนิคมอุตสาหกรรม