ทั้งนี้ ในปี 57 ตลท.มีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ที่ 8.7%, สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยมากที่สุดราว 60%, สัดส่วนนักลงทุนต่างชาติ 20-25% และสัดส่วน Prop Trade ที่ 8% โดย ตลท.ตั้งเป้าปี 62 จะพยายามทำให้สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันเป็น 50:50 เพื่อสร้างความสมดุลควบคู่ไปกับการขยายฐานผู้ลงทุน
"หลาย บลจ.เริ่มคิดเรื่อง Equity Fund มากขึ้น ซึ่งเราก็ได้มีการทำร่วมกับ บลจ.เราจะขยายลูกข่าย บลจ.โดยมีเป้าหมายปี ค.ศ.2020 จะทำให้ตลาดฯมีสัดส่วนผู้ลงทุนรายย่อย 50% และผู้ลงทุนรายสถาบัน 50%"นางเกศรา กล่าว
กรรมการและผู้จัดการ กล่าวว่า การโรดโชว์ต่างประเทศในปีนี้ ตลท.จะใช้ธีมว่า"Trading Hub"ตอกย้ำการเป็นจุดเชื่อมต่อของภูมิภาคและยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ในลักษณะ Series ซึ่งจะมีการจัดงานสัมมนาออกมาเป็นช่วง ๆ โดยจะเชิญรัฐมนตรีจากกระทรวงต่าง ๆ มาพูดและเปิดเผยถึงแผนงานและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศไทย โดยเริ่มจากวันที่ 25 ก.พ.58 ที่จะมีการเชิญ รมว.พลังงาน มาพูดเพื่อสร้างความเข้าใจและมองแนวโน้มของพลังงานที่มองผลกระทบต่อประเทศไทย
"หลังจากนี้ในเดือน มี.ค.และเดือนต่อๆ ไป ก็จะมีการเชิญทางกระทรวงคมนาคม, คลัง, พาณิชย์เป็น Series ต่อไป มาพูดเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยและการลงทุนไนโครงการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยตลท.จะเริ่มต้นจากการสร้างความเชื่อมันและการรับรู้ของนักลงทุนในประเทศก่อน"นางเกศรา กล่าว
ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลท.เปิดเผยว่า Fund Flow ในปีนี้ 58 คงจะไม่แตกต่างจากปี 57 เนื่องจากเศรษฐกิจของยุโรปก็ยังไม่ฟื้นตัวดี ทางจีนก็มีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ มีเพียงเศรษฐกิจของสหรัฐฯเท่านั้นที่ดูดีกว่าเพื่อน ซึ่งปีนี้มองว่าจะต้องคอยระวังเรื่องเศรษฐกิจจากภายนอกประเทศให้มากขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของเงินทุนไหลออก(Outflow) ตลาดฯคงจะไม่ได้รับผลกระทบมากเหมือน 2 ปีที่ผ่านมา โดยมองว่า Flow ระยะสั้นอาจจะไหลออกบ้างแต่ก็ไม่มาก เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯยังดี และทุกอย่างดูดีด้วยซ้ำ ส่วน Flow ระยะยาว มองว่ายากที่จะไหลออกไป แต่ก็ต้องขึ้นกับดัชนีใหญ่ ๆ ด้วย อย่าง ดัชนี MSCI ซึ่งปีนี้มองว่าเม็ดเงินลงทุนน่าจะไหลกลับเข้ามาในไทยได้
"2 ปีที่ผ่านมา เรา Outflow ในปี 56 ไป 5 billion ส่วนปี 57 ราว 2 billion ปีนี้น่าจะน้อยลงอีก หรือเงินน่าจะกลับมาไทยได้"นายภากร กล่าว
ส่วนนายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ(mai) เปิดเผยว่า ในปีนี้คาดว่าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ในตลาด mai ประมาณ 20 บริษัท โดยคาดว่าจะเข้าเทรดในช่วงครึ่งแรกปีนี้(H1/58)ประมาณ 4 บริษัท โดยอาจจะเริ่มเห็นเข้ามาเทรดในช่วงเดือน 3-4 เป็นต้นไป และในช่วงครึ่งปีหลัง(H2/58)ก็คงจะเข้ามาเทรด 16 บริษัท
"ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯเข้าตลาดฯน้อย เพราะต่างก็ต้องการรอดูงบปี 57 ก่อน ดังนั้นกว่าจะเข้ามาเทรดก็ราวเดือน 3 เดือน 4 เป็นต้นไป ส่วนใหญ่ก็จะมาเทรดกันในครึ่งปีหลัง"ผู้จัดการตลาด mai กล่าว
ผู้จัดการตลาด mai กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai ที่เข้าหลักเกณฑ์และจะย้ายไปทำการซื้อขายในตลาด SET ประมาณ 10 บริษัท โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามี บมจ.โมโน เทคโนโลยี(MONO)ย้ายเข้า SET ไปแล้วเมื่อวันที่ 29 ม.ค.58 และตัวถัดไป คือ บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น(ILINK) ส่วนกำหนดเวลาเมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับบริษัท