สำหรับแผนการดำเนินงานของธุรกิจตลาดทุนของกลุ่ม KKP ในปี 58 นอกจากการผลักดันการเติบโตของธุรกิจในทุกๆ ด้านตามที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปีแล้ว ในปีนี้ จะมุ่งเน้นการพัฒนาใน 3 ด้านหลัก กล่าวคือ การเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการลูกค้าบุคคล ทั้งด้านคุณภาพการให้คำแนะนำ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า การปรับปรุงรูปแบบการให้บริการเพื่อสนับสนุนการขยายฐานลูกค้าบุคคลขนาดกลาง โดยมีแผนที่จะนำ online platform ใหม่มาใช้ประมาณไตรมาสสองของปี
ด้านที่สองคือ การขยายตัวของส่วนธุรกิจการลงทุน มีการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนใหม่ๆ รวมถึงแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพ ท้ายสุดนี้ ภัทรจะมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพการให้บริการลูกค้าบรรษัทให้ครอบคลุมมากขึ้น มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่เหมาะสมให้แก่ลูกค้าเพื่อเพิ่มทางเลือกในการระดมทุน
สำหรับ บล. เคเคเทรด จะยังคงพัฒนาธุรกิจออนไลน์ของบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เน้นการดูแลลูกค้าเป็นสำคัญ การให้คำแนะนำที่เหมาะสม และการพัฒนาระบบการซื้อขายให้มีความฉับไว สะดวกสบายและใช้งานได้ง่าย
นายกฤตยา กล่าวว่า บริษัทประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย(SET Index)ในปี 58 ที่ 1,580 จุด แม้ขณะนี้ดัชนีจะปรับสูงเกินเป้าหมายไปแล้ว แต่บริษัทยืนยันว่ายังไม่ปรับเป้าดังกล่าว และมองว่าในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ซบเซายังส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะเติบโตดี เช่น กลุ่มสื่อสาร จากการขยายตัวของผู้ใช้บริการ 3G ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง กลุ่มทีวี Digital TV และกลุ่มโรงพยาบาล ส่วนกลุ่มที่ยังมีความเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มพลังงาน ที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ยังต้องอิงกับการขยายตัวเศรษฐกิจในประเทศ
"“ในปีนี้ ภัทรมองว่าตลาดหลักทรัพย์จะยังคงผันผวนอย่างต่อเนื่อง และดัชนีจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยแนะนำให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง มองว่ามูลค่าการซื้อขายอาจไม่ถึง 5 หมื่นล้านบาทหากหุ้นเล็กที่ปัจจุบันมีการซื้อขายมากนั้นลดความร้อนแรงลง"นายกฤติยา กล่าว
อนึ่งในปี 57 ธุรกิจตลาดทุนในเครือ KKP (บล.ภัทร บล.เคเคเทรด และ บลจ. ภัทร) ประกอบไปด้วย ธุรกิจนายหน้า ธุรกิจวานิชธนกิจ ธุรกิจการลงทุน และธุรกิจจัดการกองทุน โดย บล.ภัทรและบล.เคเคเทรดมีส่วนแบ่งตลาดรวมเท่ากับ 5.03% (เป็นอันดับ 5 จากทั้งหมด 34 แห่ง) ในส่วนของธุรกิจ Private Wealth Management มีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำรวมมูลค่า 284,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากยอด 210,000 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 56 โดยมีเงินใหม่สุทธิทั้งสิ้น 47,900 ล้านบาท และในส่วนของธุรกิจจัดการกองทุน ภายใต้ บลจ.ภัทร มีทรัพย์สินภายใต้การจัดการ 32,330 ล้านบาท