นายพินิจสรณ์ ลือชัยขจรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ PLANB เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่นักลงทุนสถาบันในสัดส่วน 25% เสนอขายแก่กรรมการและผู้บริหารของบริษัทจำนวน 23.4 ล้านหุ้น และส่วนที่เหลือเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป ขณะที่ บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในครั้งนี้
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปชำระคืนหนี้ 95% ของมูลหนี้ทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายลงประมาณ 50 ล้านบาทต่อปี และส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือ 0.1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.1 เท่า
ส่วนเงินทุนที่เหลือจะนำไปขยายธุรกิจ 2 ส่วน ได้แก่ ติดตั้งระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย(WIFI)บนรถโดยสารประจำทางปรับอากาศของ ขสมก.เพื่อให้บริการผู้โดยสารโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อ แต่จะมีการเผยแพร่โฆษณาประชาสัมพันธ์หน้าจออุปกรณ์ คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้จำนวน 500 คันภายในปี 58 และขยายให้ครบ 1,500 คันในปีต่อๆ ไป รวมถึงเพิ่มป้ายโฆษณาใหม่อีก 100-200 จุด จากปัจจุบันมีอยู่ราว 1,000 จุด และจอโฆษณาดิจิตอลที่มีอยู่ 120 จอ ซึ่งวางงบลงทุนไว้ราว 200-300 ล้านบาท
นายพินิจสรณ๋ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปีนี้ที่ 20-25% จากปี 57 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 1,800 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ปรับขึ้นค่าโฆษณาเฉลี่ย 3% และจะรับรู้รายได้จากสื่อใหม่ๆ ที่ลงทุนไปแล้วในปีที่ผ่านมา เช่น ป้ายจุดตัดทางด่วน, สื่อดิจิตอลใน MRT, สื่อดิจิตอล LED, BUS Wi-Fi ฯลฯ โดยปัจจุบันบริษัทมีการขายโฆษณาไปแล้ว 30-40%
ทั้งนี้ บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้มาจากค่าโฆษณาในรถบัสและรถไฟฟ้าใต้ดินราว 33% ป้ายโฆษณากลางแจ้งบิลบอร์ด 33% Digital LED 30% ที่เหลือเป็นรายได้จากส่วนอื่นๆ
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีกำลังซื้อชัดเจน อย่างอินโดนีเซีย โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่ม EMTEK ซึ่งเป็น Strategic Shareholder และเป็นยักษ์ใหญ่ของผู้ประกอบการ CFree-To-Aire และผู้ผลิต Content รายใหญ่ ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์กว่า 1 แสนล้านบาท พร้อมทั้งได้ติดต่อและพุดคุยกับผู้ประกอบการสื่อ Out-of-Home Media อีกมาก ทั้งในมาเลเซียและฟิลิปปินส์ ประกอบกับยังให้ความสนใจในประเทศเกิดใหม่ อย่าง พม่า แต่คาดว่าปีนี้น่าจะได้ข้อสรุปที่อินโดนีเซียก่อน
"3 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้โตเฉลี่ยปีละ 40% ซึ่งปีนี้คาดว่าจะโต 20-25% จากฐานรายได้ของบริษัทฯใหญ่ขึ้น และปกติ Gross Margin จะอยู่ที่ประมาณ 40-45% ซึ่งทำให้สูงกว่าอุตสาหกรรมที่มี Gross Margin 35-40% อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าสื่อนอกบ้านยังไปได้อีกไกล และสื่อที่เรามีสามารถตอบโจทย์จากที่เรามีความหลากหลายและมี Innovation เป็นหนึ่งในผู้นำด้านนี้"นายพินิจสรณ์ กล่าว
นายพินิจสรณ์ กล่าวว่า บริษัทมองภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้านในปีนี้จะเติบโตได้ราว 5-10% โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินในอุตสาหกรรมกว่า 1-1.2 แสนล้านบาท โดยบริษัทจะเนันรับงานที่มีอายุสัญญามากกว่า 6 ปีขึ้นไป เพื่อป้องกันความเสี่ยง ปัจจุบันบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์ 20% ถือเป็นอันดับ 2 ในอุตสาหกรรม และยังมองหาการเข้าซื้อกิจการเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจ