ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมที่ราว 3.4 หมื่นล้านบาท มาจากคอนโดมิเนียม 2.1 หมื่นล้านบาท และแนวราบ 1.3 หมื่นล้านบาท พร้อมวางเป้ายอดขายที่ 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 1.7 หมื่นล้านบาท และแนวราบ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้รวม 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 1.48 หมื่นล้านบาท ทาวเฮ้าส์ 1 โครงการ มูลค่า 617 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 8 โครงการ มูลค่า 2.88 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน(Backlog)แล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวราว 2 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นคอนโดมิเนียมที่จะทยอยโอนทั้งหมดภายในปีนี้ ขณะที่มีแผนปรับขึ้นราคาขายโครงการใหม่ไม่เกิน 5% ตามราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก แม้ว่าต้นทุนการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างยังทรงตัวก็ตาม พร้อมทั้งวางงบซื้อที่ดินทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัดราว 7 พันล้านบาท
" ปีนี้เราปรับไม่เกิน 5% เท่ากับปีก่อน เนื่องจากราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นมากจนน่าตกใจ แต่ยังดีที่ราคาวัสดุก่อสร้างไม่ปรับเพิ่มขึ้นก็เป็นตัวช่วยเราได้ เพราะเราก็จะไปคุยกับผู้รับเหมาด้วยจะช่วยลดอะไรได้บ้าง"นายเมธา กล่าว
สำหรับการยกเลิกโครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่งในจังหวัดขอนแก่นและอุดรธานี โดยคืนเงินจองให้กับลูกค้าไป ได้แก่ โครงการ The Base ศรีจันทร์ ขอนแก่น และโครงการ The Base เซ็นทรัล อุดรธานี นั้น ผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทมียอด Backlog อยู่จำนวนมาก ทำให้มั่นใจว่ารายได้ยังทำได้ตามเป้าหมาย
สาเหตุที่ยกเลิกโครงการทั้ง 2 แห่งนั้น เนื่องจากกำลังซื้อของทั้ง 2 ทำเลยังไม่มีมาก ทั้งนี้ บริษัทได้นำกรณีดังกล่าวกลับมาศึกษาเพื่อเป็นการวางแผนการเปิดโครงการในต่างจังหวัดในอนาคต ซึ่งจะเพิ่มความระมัดระวังการเปิดโครงการในต่างจังหวัดให้มากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ