"ปตท.ก็ได้มีการปรับแผนในเรื่องการดำเนินการต่างๆ และราคาน้ำมันก็ใช้คาดการณ์ในระดับต่ำลงมา แต่จำตัวเลขไม่ได้แล้ว ซึ่งในส่วนราคาน้ำมันที่ลดลงบริษัทลูกของปตท.จะได้รับผลกระทบมากสุด แต่ก็เป็นโอกาสที่อาจจะเข้าไปลงทุนในกิจการใหม่ๆ หรือโครงการ หรือบริษัทน้ำมันที่มีปัญหาทางการเงินก็ได้ ก็เป็นโอกาส เหมือนกัน โดยเฉพาะในกลุ่มปตท.ก็มีเงินสดเพียงพอไม่ได้มีปัญหาสภาพคล่องแต่อย่างใด"นายปิยสวัสดิ์ กล่าวผ่านสถานีรายการโทรทัศน์
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ โดยราคาน้ำมันดิบ ดูไบ ปรับลดลงมาอยู่ระดับกว่า 41 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วงกลางเดือนม.ค.ขณะที่ Goldman ลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ และโอเปกไม่ลดปริมาณการผลิต อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบค่อยๆฟื้นตัวขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบ ดูไบ กลับมาเคลื่อนไหวระดับมากกว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อีกครั้งในช่วงสัปดาห์นี้
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงจะส่งกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทลูกกลุ่มปตท.มากกว่า โดยเฉพาะบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ที่มีรายได้จากผลิตภัณฑ์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก ส่วนธุรกิจโรงกลั่น จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนสต็อกน้ำมัน แต่ก็เป็นผลทางตัวเลขทางบัญชีเท่านั้น ขณะที่ธุรกิจหลักอื่นขอ งปตท.ยังคงเติบโต เช่น ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ หรือธุรกิจค้าปลีก เป็นต้น
อย่างไรก็ตามขณะนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพราะระดับราคาน้ำมันที่ 30-40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลนั้นนับว่าไม่ใช่ระดับที่ยั่งยืน และจะมีผลกระทบมากต่อหลายโครงการที่มีต้นทุนสูง และการผลิตของ shale gas และ shale oil รวมถึงการผลิตจากโครงการน้ำมันแหล่งใหม่ๆหลายแห่ง ซึ่งจะทำให้การผลิตลดลงอย่างแน่นอน และในท้ายที่สุดแล้วราคาน้ำมันก็จะปรับตัวสูงขึ้นมา
ล่าสุดราคาน้ำมันก็ดีดกลับมาเคลื่อนไหวในระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ในระยะยาวก็เชื่อว่าระดับราคานี้คงไม่ยั่งยืน เพราะโครงการใหม่ๆก็จะไม่เกิดขึ้น โดยมองว่าระดับราคาน้ำมันดิบที่ 60-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลน่าจะเป็นราคาที่ยั่งยืนสมเหตุสมผลมากกว่า
สำหรับราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ในปัจจุบันแม้จะมีการปรับขึ้นราคามาถึงระดับ 13 บาท/กิโลกรัม จากเดิมที่ 10.50 บาท/กิโลกรัมนั้น และในอนาคตยังมีแผนจะปรับขึ้นไปถึงระดับต้นทุนแท้จริงตามเป้าหมายของกระทรวงพลังงานที่ 15 บาท/กิโลกรัม ซี่งลดลงจากเดิมที่ 16 บาท/กิโลกรัมนั้น ก็นับว่ายังมีราคาอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบตามค่าความร้อนกับราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากไม่มีการเก็บภาษี NGV
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลทยอยปรับขึ้นราคา NGV เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ด้วย เพราะจะทำให้มีปริมาณ NGV ใช้อย่างเพียงพอ เนื่องจากผู้ประกอบการมีเงินในการลงทุนขยายเครือข่าย NGV เพิ่มเติม โดยปัจจุบันมีรถยนต์ที่ใช้ NGV ทั้งสิ้น 4 แสนคัน โดยในส่วนนี้ 1.7 แสนคันเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล