ทั้งนี้ การเจรจาการร่วมทุนในครั้งนี้บริษัทยังไม่ได้กำหนดสัดส่วนการถือหุ้น แต่หากเป็นพันธมิตรชาวต่างประเทศบริษัทก็คงถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 51% แต่ถ้าเป็นพันธมิตรในประเทศไทยคงต้องรอให้มีข้อสรุปที่ชัดเจนก่อน
"พันธมิตรเข้ามาคุยเยอะมาก ทั้งด้านเงินทุน ด้าน operate การตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เราสนใจกลุ่มสินค้าที่ relate กัลบสินค้าที่ทำอยู่ เอายจุดแข็งของเขามาพัฒนาร่วมกัน บางพันธมิตรเข้ามาสนับสนุนได้ทั้งหมด ก็มีโอกาสจบ แต่ยังไม่รู้ระยะเวลา แต่ประมาณ Q2/58 น่าจะมีข่าวดีอย่างน้อย 1 ข่าว"นายอาทิตย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แผนงานในเบื้องต้นปีของปี 58 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปี 57 หรือทำรายได้ราวที่ประมาณ 2.9 พันล้านบาท ขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากปีนี้บริษัทจะเน้นการรับงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่คาดว่าจะเริ่มทยอยออกมาตั้งแต่ต้นปีนี้ ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงการรถไฟรางคู่และรางมาตรฐาน รวมทั้ง โครงการสร้างถนนเลียบชายฝั่ง ทำให้คาดว่าภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างในปีนี้จะกลับมาดีขึ้นตามความต้องการของตลาดในประเทศที่จะเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนั้น บริษัทยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มคอนกรีตสำเร็จรูป(Precast)ภายใต้แบรนด์ CCP Paving Stones:CPS)ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์งานก่อสร้างรูปแบบใหม่ทั้งในแง่ของการช่วยประหยัดแรงงาน และความรวดเร็ว โดยเน้นเจาะกลุ่มงาน Landscape และลูกค้าโครงการที่ต้องสร้างระบบด้านงานระบายน้ำ งานป้องกันน้ำท่วม ก่อสร้างถนน ลานจอดรถ และนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ของการใช้วัสดุคอนกรีตสำเร็จรูป คือ กลุ่ม labour saving stone ได้แก่ บล็อกกำแพงกันดิน บล็อกหญ้า และบล็อกกันหน้าดินริมน้ำ และ กลุ่ม paving block ได้แก่ แผ่นทางเท้า บล็อกประสานปูพื้น และ ขอบคันหิน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้าทั้งในส่วนภาครัฐและภาคเอกชนแล้ว และมีกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก โดยคาดว่าจะสามารถทำรายได้ให้กับบริษัทในปีนี้ประมาณ 5% ของรายได้รวม หรืออยู่ที่ 150 ล้านบาท
"ความต้องการสินค้าของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป และปัญหาขาดแคลนแรงงาน เราทำงานใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้นเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้ตรงกับความต้องการ จุดสำคัญคือต้องการลดขั้นตอนการทำงาน จึงนำมาใช้ในการพัฒนาสินค้าใหม่ เราเองก็ปรับวิธีการทำงานลดการใช้แรงงาน ซื้อเครื่องจักรเข้ามาเพิ่ม เปลี่ยนการใช้พลังงานเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี"นายอาทิตย์ กล่าว
นายอาทิตย์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงปลายปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 1/58 ไปจนถึงปลายปี 59 ส่วนงบลงทุนของบริษัทในปีนี้วางไว้ 100 ล้านบาทเพื่อใช้สำหรับการปรับปรุงพื้นที่โรงงานและปรับปรุงเครื่องจักร ซึ่งจะนำเงินลงทุนมาจากกระแสเงินสดภายในบริษัท
ส่วนผลประกอบการปี 57 บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารบริษัทในวันที่ 28 ก.พ.58 เพื่อสรุปภาพรวมการดำเนินงาน แต่เบื้องต้นคาดว่ารายได้น่าจะพลาดเป้าหมายที่ 2.9 พันล้านบาท โดยอาจจะทำได้ในระดับ 2.6 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองส่งผลให้โครงการจากภาครัฐชะลอลง ทำให้ภาคเอกชนตัดสินใจชะลอการลงทุนตามไปด้วย ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลประกอบการในครึ่งปีหลังไม่ได้กลับมาดีตามที่คาดไว้ แต่ช่วงปลายปีเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีจากออร์เดอร์ที่ทยอยเข้ามา ซึ่งคงจะเห็นภาพชัดเจนของปีนี้ในราวช่วงปลายไตรมาส 1/58
"Q3-Q4/57 ด้อยกว่าที่คาดไว้ แม้ Q1/57 จะทำนิวไฮ พอ Q2/57 มีการทำรัฐประหาร ซึ่งแรก ๆ เอกชนก็ตอบรับดี ออร์เดอร์ที่ pending ไว้ก็กลับมาขอรับสินค้า แต่พอเข้า Q3/57 น่าจะดีก็กลับไม่ดี เพราะงานภาครัฐไม่มีออกมาในช่วงรัฐบาลรักษาการ พอช่วงปลาย Q4/57 เพิ่งมีเข้ามา ตอนนี้ออร์เดอร์ลูกค้าคงทำให้ช่วง 1-2 ปีนี้บริษัทคงไม่เดือดร้อนงาน"นายอาทิตย์ กล่าว
ขณะที่กำลังการผลิตคอนกรีตในสิ้นปี 57 ถึงปัจจุบันบริษัทอยู่ที่ 7 หมื่นคิวต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 56 ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 6 หมื่นคิวต่อเดือน
"CCP ได้พัฒนาประสิทธิภาพเครื่องจักรสายการผลิต ตั้งแต่ต้นปี 2557 เป็นต้นมา และบริษัทมีการเตรียมความพร้อมในการรับงานคอนกรีตหลากหลายรูปแบบอยู่แล้ว อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดรับกับเทคโนโลยีการก่อสร้าง การปรับปรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพในการผลิตรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น การเจรจาพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสรับงานใหม่ และการสร้างระบบบริหารจัดการใหม่เพื่อบริหารต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการที่ภาครัฐเริ่มกลับมาดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง เอกชนเริ่มกลับมาลงทุน จะยิ่งส่งผลดีกับบริษัท เพราะมีโอกาสในการเข้ารับงานโครงการใหม่ๆมากขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้ Backlog มีโอกาสในการเติบโตมากกว่าเดิม"นายอาทิตย์ กล่าว