สิ้นปี 57 กบข.มีสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 710,046 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 56 จำนวน 77,547 ล้านบาท หรือ 12.26% และมีผลกำไรสุทธิกว่า 38,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% หรือ 15,000 ล้านบาท จากปี 56 ขณะที่อัตราผลตอบแทนของปี 57 อยู่ที่ 6.75% สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำธนาคารและอัตราเงินเฟ้ออย่างมีนัยสำคัญราว 5%
"เป็นผลจากการติดตามภาวะเศรษฐกิจและประเมินสถานการณ์การลงทุนตลอดเวลา โดยพอร์ตการลงทุนของกบข. ให้น้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ที่ตราสารหนี้กว่า 60% โดยเกือบทั้งหมดเป็นพันธบัตรรัฐบาล รองลงมากระจายลงในตราสารทุนไทย และตราสารทุนโลก 11% และ 14% ตามลำดับ กลยุทธ์การลงทุนดังกล่าวช่วยเพิ่มผลตอบแทนในช่วงที่วงจรเศรษฐกิจอยู่ในภาวะฟื้นตัว"นายสมบัติ กล่าว
นายสมบัติ กล่าวอีกว่า การลงทุนในตลาดทุน ยังมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีระยะยาว ซึ่งกบข. ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมและเป็นไปตามระดับราคา
สำหรับในปี 58 มองว่าเศรษฐกิจโลกยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ แตกต่างกันแต่ละภูมิภาค ส่งผลให้การดำเนินนโยบายทางการเงินโดยภาพรวมยังคงผ่อนคลาย ดังนั้น เศรษฐกิจไทยปี 58 จึงมีทิศทางการเติบโตที่ดีจากการดำเนินนโยบายกระตุ้นของภาครัฐ ด้วยการอัดฉีดงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการเร่งเบิกจ่ายภาครัฐ ร่วมกับการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารแห่งประเทศไทย
ในส่วนของ กบข.ยังคงมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นยังมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนดีพอสมควร เพราะเป็นสินทรัพย์กลุ่มรองรับการเติบโต (Growth Asset) ของเศรษฐกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะการลงทุนที่เหมาะสมในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว (Recovery) ซึ่ง กบข.มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง และยังคงพยายามที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อไป โดยมีเป้าหมายสำคัญที่จะสร้างความพอเพียงของเงินออมหลังเกษียณให้กับสมาชิกทุกคน