สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ ( 2 – 6 กุมภาพันธ์ 2558 ) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 382,591 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 76,518 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 3.61% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 59% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 224,103 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 110,952 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 10,672 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 4.4 ปี) LB176A (อายุ 2.4 ปี) และ LB25DA (อายุ 10.9 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 30,045 ล้านบาท 18,290 ล้านบาท และ 11,265 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด รุ่น ICBCTL17OA (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 802 ล้านบาท หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) รุ่น BAY164A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 672 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT155A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 525 ล้านบาท
ราคา (Price) ของพันธบัตรรัฐบาลแกว่งตัวในกรอบแคบๆ หรือผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทน (Yield) เพิ่มขึ้น ประมาณ 0.01% - 0.02% หากเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน ม.ค. 58 อยู่ที่ 106.02 ลดลง 0.41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 0.59% จาก ธ.ค. 57 เนื่องจากราคาพลังงานและอาหารสดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ธนาคารกลางจีน ประกาศลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5% ของเงินฝากธนาคาร โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะชะลอตัว
นอกจากนี้แล้ว การประมูลพันธบัตรระยะสั้น (อายุน้อยกว่า 1 ปี) ทั้งตั๋วเงินคลังและพันธบัตร ธปท. ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ด้วยความต้องการประมูลในจำนวนที่สูงกว่าปริมาณพันธบัตรที่ออกขาย (ค่า Bid Coverage Ratio: BCR) ประมาณ 1.10-4.05 เท่า
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (2 – 6 ก.พ. 58) แม้เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติจะไหลออกจากตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือ > 1 ปี) ประมาณ 3,444 ล้านบาท แต่ไหลเข้าในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุน้อยกว่า 1 ปี) ประมาณ 1,489 ล้านบาท