นายรัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส เปิดเผยว่า จะเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสเอไอตราสารหนี้ 10 เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยต่ำแก่กลุ่มผู้ลงทุนที่ไม่ใช่รายย่อย โดยกองทุนดังกล่าวมีขนาดกองทุน 1,000 ล้านบาท อายุโครงการในรอบการลงทุนนี้ประมาณ 9 เดือน
กองทุนดังกล่าวมีแผนจะลงทุนเบื้องต้นในตราสารหนี้ในประเทศ ได้แก่ ตั๋วแลกเงิน บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA) และตั๋วแลกเงิน บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB+ และ BBB จาก TRIS ตามลำดับ พร้อมด้วยตั๋วแลกเงิน บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ตั๋วแลกเงิน บมจ. สามารถ ไอ-โมบาย (SIM) ตั๋วแลกเงิน บมจ. ทิปโก้ฟูดส์ (TIPCO) และตั๋วแลกเงิน บมจ.สัมมากร (SAMCO) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.20% ต่อปี
สำหรับมุมมองต่อการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศนั้น เห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในเดือนม.ค.ยัง คงปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.57 ส่วนหนึ่งเป็นการปรับลดลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในเดือนม.ค. ติดลบ 0.41% จากราคาพลังงานที่ลดลง อย่างไรก็ตามในเดือนม.ค.นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยกว่า 2,800 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดการถือครองตราสารหนี้ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติลดลง ปัจจัยในประเทศยังคงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยทรงตัว
อย่างไรก็ตาม อาจต้องจับตาดูปัจจัยต่างประเทศ เช่น ความกังวลเกี่ยวกับประเทศกรีซทั้งด้านวิกฤตหนี้สาธารณะและการขอเจรจาเงื่อนไขการกู้ยืมจากกลุ่มเจ้าหนี้ต่างประเทศอีกครั้ง ซึ่งอาจมีผลต่อการไหลเข้าและออกของนักลงทุนต่างชาติและอาจส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ลงทุนที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าในการเข้าลงทุนกับกองทุน AI เพื่อล็อกโอกาสรับผลตอบแทนไว้ล่วงหน้า
กองทุนเปิดแอสเซทพลัสเอไอตราสารหนี้ 10 เป็นกองทุนที่มีกำหนดการเปิดซื้อขายหน่วยลงทุนเป็นรอบระยะเวลา (Roll-over) เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย ซึ่งต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในตราสารหนี้และสามารถรับความเสี่ยงในจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (Non-Investment Grade) และตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) ในสัดส่วนที่มากกว่ากองทุนรวมทั่วไป