ทั้งนี้ จะนำเสนอแผนที่เหมาะสมในการเข้าซื้อหุ้น TPROP และ GRAND ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 26 ก.พ.นี้ และจะเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเม.ย.เพื่อขออนุมัติ
"หลักๆแล้วเทนเดอร์ฯยังมีมติทำอยู่ ที่แจ้งผ่านตลาดฯไปเราแค่บอกว่าจะเปลี่ยนวิธีทำเทนเดอร์ฯ จากตอนแรกที่มีแผนสวอปหุ้น แต่วิธีการนี้ใช้เวลานาน เราต้องการวิธีการที่รวดเร็วที่สุด เพื่อให้ปิดดีลนี้สำเร็จ แต่ว่าตอนนี้ยังพูดไม่ได้ รอเสนอบอร์ด 26 ก.พ.แล้วขอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น วิธีการเราศึกษาไว้หมดแล้ว" นายธีรธัชช์กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ นายธีรธัชช์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 58 จำนวน 1.48 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 20%จากปีก่อน โดยบริษัทมองแนวโน้มว่ากำลังซื้อน่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ มีการปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน หลังจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยดีขึ้น ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้เติบโตมากกว่าปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความกังวลปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ระดับสูง จะบั่นทอนกำลังซื้อโดยเห็นได้จากอัตราการปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อของบริษัทอยู่ที่ระดับ 15-20% ส่งผลต่อยอดขายระดับหนึ่ง แต่ยอดขายของบริษัทไม่ใช่เป็นการเก็งกำไร แต่เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง
ส่วนรายได้ในปี 58 คาดว่าเติบโต 15-20% จากปีก่อน จากการรับรู้ยอดขายรอโอนครึ่งหนึ่งของยอดทั้งหมดที่มีอยู่ 6.1 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 59 นอกจากนี้ บริษัทยังมีการบันทึกรายได้พิเศษการขายตึกสูง The Sky Sukumvit มูลค่า 2.2 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/58 โดยขายให้เดอะมอลล์กรุ๊ป
ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 24 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.95 หมื่นล้านบาท เน้นเขตกรุงเทพและปริมณฑล แบ่งเป็นโครงการแนวราย 21 โครงการ รวมมูลค่า 2.65 หมื่นล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 3 พันล้านบาท โดยจะเปิดใหม่ในไตรมาส 1/58 จำนวน 5 โครงการ
ส่วนงบซื้อที่ดินในปีนี้ได้เตรียมไว้จำนวน 2.5 พันล้านบาท จากที่เคยใช้งบซื้อที่ดินสูงถึง 3-4 พันล้านบาทต่อปี เพราะบริษัทมีที่ดินเปล่ารอการพัฒนาอยู่จำนวนมาก และจะนำที่ดินเปล่ามาพัฒนาเป็นโครงการ