สำหรับอัตรากำไรสุทธิปีนี้บริษัทคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 14% จากปีก่อนที่ทำได้ 13.5% หลังจากบริษัทเน้นขายสินค้าในกลุ่ม Hi-End และยังเน้นการวิจัยและพัฒนาให้สินค้ามีมูลค่าทีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนราว 1 พันล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุงเครื่องจักรใหม่และใช้สำหรับการวิจัยและพัฒนา
"ปีนี้เรายังมั่นใจว่ายอดขายของเราจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน เพราะเรามีการขยายตลาดไปใน AEC และในส่วนของรายได้หลักจากสหภาพยุโรปยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตรากำไรสุทธิของเราปีนี้ก็จะดีขึ้นจากที่เราเน้นการวิจัยและพัฒนาให้สินค้ามีมูลค่าที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันเราเน้นสินค้าที่เป็นระดับ Hi-End มาตลอดทำให้เรามีกำไรที่ค่อนข้างดี"นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการในยุโรป เป็นธูรกิจ power supply รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยมูลค่า และระยะเวลาว่าจะมีข้อสรุปเมื่อได สำหรับแหล่งเงินทุนของบริษัทจะมาจากเงินสดอยู่ในมือ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ราว 1.7 หมื่นล้านบาท และหลังจากปันผลออกไปแล้วจะเหลืออีกราว 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)เพียง 0.39 เท่า อย่างไรก็ตามนโยบายของบริษัทไม่ต้องการมีหนี้
"เราบอกได้แค่ว่าเป็นกิจการเกี่ยวกับ power supply รายใหญ่ สำหรับเรื่องของข้อสรุปว่าจะซื้อการนี้ได้หรือไม่ก็ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะยังต้องใช้ระยะเวลาในการเจรจาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเราเองเชื่อว่าหากเวลายิ่งผ่านไปมากแค่ในเราก็จะได้เปรียบในการเจรจาครั้งนี้มากขึ้น โดยเรามองว่าธุรกิจ power supply นี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตอีกมากเพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าแทบทุกชนิดจำเป็นต้องใช้ และปัจจุบันก็เริ่มมีความจำเป็นในรถยนต์ด้วย รวมไปถึงอุปกรณ์อื่นๆอีกมาก ทั้งนี้บริษัทฯดังกล่าวมีสาขาอยู่ตามประเทศต่างๆทั่วโลก เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยขยายกิจการของบริษัทฯได้อย่างมีนัยสำคัญ"นายอนุสรณ์ กล่าว