ฟิทช์ คงอันดับเครดิต SCC ที่ระดับ ‘A(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 12, 2015 12:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของบมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ที่ ‘A(tha)’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของ SCC ที่ ‘A(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

SCC เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีธุรกิจหลักที่มีความหลากหลาย ซึ่งแบ่งเป็นสามธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจเคมีภัณฑ์ และธุรกิจกระดาษ SCC เป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ กระเบื้องเซรามิก เคมีภัณฑ์ขั้นปลาย และกระดาษบรรจุภัณฑ์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในบางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยวัดจากกำลังการผลิตและส่วนแบ่งการตลาด ฟิทช์คาดว่าบริษัทฯ น่าจะยังคงรักษาสถานะความเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจหลักเหล่านี้ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ต่อไปในอีกห้าปีข้างหน้า

อันดับเครดิตสะท้อนถึงธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีการกระจายความเสี่ยงของแหล่งที่มาของรายได้จากธุรกิจหลักที่หลากหลาย เป้าหมายหลักของ SCC ที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นปัจจัยบวกต่อสถานะทางธุรกิจของบริษัทฯ ในระยะยาว แม้ว่ารายได้จากการดำเนินงานจากธุรกิจในต่างประเทศ น่าจะยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนักในช่วงปี 2558

ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของ SCC น่าจะยังคงสูงต่อเนื่องในปี 2558-2559 โดยอยู่ที่ประมาณ 50,000-60,000 ล้านบาทต่อปี เงินลงทุนส่วนใหญ่จะใช้เพื่อการขยายธุรกิจในภูมิภาค ทั้งการลงทุนในโครงการใหม่และการเข้าซื้อกิจการ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) ของบริษัทฯ น่าจะอยู่ที่ระดับ 3 เท่าในปี 2558-2559 (อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 2.7 เท่า ในปี 2557) และคาดว่าจะปรับลดลงต่ำกว่า 3 เท่าหลังจากนั้น เมื่อธุรกิจในภูมิภาคเริ่มมีการดำเนินงานอย่างเต็มตัว

ฟิทช์คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Operating EBITDA) ของ SCC ในปี 2558 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับเดียวกับในปี 2557 (อัตราการเติบโตของ Operating EBITDA ในปี 2557 เท่ากับร้อยละ 8.7) โดยคาดว่าธุรกิจเคมีภัณฑ์จะยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างผลกำไรให้บริษัทฯ ในปี 2558 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการปรับเพิ่มขึ้นของส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์โพลิเอททีลีน ในขณะที่ Operating EBITDA จากธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างน่าจะยังคงเติบโตในระดับต่ำกว่าร้อยละ 5 ต่อปี อันเป็นผลมาจากกิจกรรมในภาคการก่อสร้างภายในประเทศที่มีการฟื้นตัวอย่างช้าๆ

อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงการที่บริษัทฯ ต้องเผชิญกับความผันผวนของธุรกิจเคมีภัณฑ์ และธุรกิจกระดาษ และความสามารถที่จำกัดในการกำหนดราคาในกลุ่มสินค้าประเภทโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯ อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ