"เป้ารายได้ปีนี้เราเคยพูดไว้ที่กว่า 10% คาดว่าจะขยับเป็น 15% เพราะทุกอย่างสงบ ก็จะมีงานเข้ามามากขึ้น ตอนนี้เรามี backlog ราว 200 ล้านบาทก็จะรับรู้ในปีนี้ทั้งหมด"นางสาวชมเดือน กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นางสาวชมเดือน ระบุว่า ขณะนี้ปริมาณงานในธุรกิจหลักเรื่องการให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัยด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลาย (Nondestructive Testing-NDT)ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น การตรวจสอบและทดสอบการใช้งานอุปกรณ์ ระบบท่อลำเลียงน้ำมัน,ก๊าซ และสารเคมีทั้งทางบกและทางทะเล รวมไปถึงงานตรวจสอบและทดสอบโครงสร้างโลหะเหล็กขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทก็จะมีการเติบโตไปในทิศทางเดียวกับตลาดรวมที่คาดว่าจะโตในระดับ 15%
ขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังมองโอกาสขยายลงทุนในธุรกิจพลังงานที่ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เบื้องต้นเน้นให้ความสำคัญกับการลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขนาด 20 เมกะวัตต์ในเมียนมาร์ ที่มีมูลค่าราว 2 พันล้านบาท โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นโครงการแรกที่เข้าร่วมทุนกับพันธมิตร ซึ่งบริษัทคาดว่าจะถือหุ้นมากกว่า 80% โดยได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจไปแล้ว และคาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MoA)กับรัฐบาลเมียนมาร์ในสัปดาห์หน้า ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี ปัจจุบันเริ่มก่อสร้างไปบ้างแล้วมีความคืบหน้าประมาณ 30%
"อาทิตย์หน้าเขานัดมาเซ็นสัญญา MoA เรื่องของโรงไฟฟ้า ที่ล่าช้ากว่ากำหนดเล็กน้อยเพราะติดเรื่องข้อกฎหมายและเอกสาร"นางสาวชมเดือน กล่าว
ก่อนหน้านี้ TNDT ระบุว่านโยบายขยายฐานธุรกิจในเมียนมาร์ 3 โครงการ คือ โครงการเหมืองถ่านหิน โครงการเหมืองหิน และโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 20 เมกะวัตต์ โดยโครงการโรงไฟฟ้านี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รัฐฉาน ซึ่งเป็นรัฐเดียวกับที่ตั้งของแหล่งวัตถุดิบแหล่งแรก ที่มีการพบถ่านหินในปริมาณที่มากเพียงพอที่จะรองรับกับการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าได้ โดยเบื้องต้นขนาดกำลังการผลิตที่ 20 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เชื้อเพลิงถ่านหินราว 2 ล้านตัน/ปี
นางสาวชมเดือน กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในเหมืองถ่านหินที่รัฐฉาน บริษัทจะถือหุ้นราว 46% ส่วนที่เหลือเป็นพันธมิตรกลุ่มเดียวกับผู้ร่วมทุนในโรงไฟฟ้า อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมองหาแหล่งวัตถุดิบแหล่งที่ 2 เพื่อรองรับกับการขยายงานของโรงไฟฟ้าในอนาคต เนื่องจากมองว่าทางเมียนมาร์จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าค่อนข้างมากในอนาคต
สำหรับแหล่งวัตถุดิบแหล่งที่ 2 คาดว่าจะมีปริมาณถ่านหิน และแร่อื่นๆ อยู่ด้วย ตั้งอยู่ในพื้นที่"ทิวาเกะ"เมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ในเมียนมาร์ จะเริ่มทำการสำรวจได้ภายใน 3 เดือนนับจากนี้