ส่วนกำไรสุทธิงวดปี 57 อยู่ที่ 275.93 ล้านบาท จากงวดปี 2556 อยู่ที่ 135.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 139.98 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 103.0% สาเหตุที่กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นน้อยกว่า รวมทั้งต้นทุนทางการเงินลดลงด้วยจากการหาแหล่งเงินต้นที่ อัตราดอกเบี้ยลดลงได้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) จาก 10 บาท เป็น 1 บาท
จากผลประกอบการที่ดีบริษัทฯ จึงพิจารณาจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท (พาร์ 1 บาท)พร้อมทั้งจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 8 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ คิด เป็น 0.125 บาท (พา ร์ 1 บาท ) โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียน 10 เมษายน 2558 และกำหนดวันจ่ายปันผลในวันที่ 29 เมษายน 58
“ผลประกอบการในปี 57 ในส่วนของยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ว่าจะเติบโตกว่า ร้อยละ 30 แต่กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 100 ถือเป็นการประสบความสำเร็จอย่างสูงของบริษัทฯ และทีมงาน ภายหลังการกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ กว่า 1 ปีสามารถทำกำไรดีอย่างต่อเนื่อง และจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น เฉพาะในปี 2557 ได้ปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.075 บาทต่อหุ้น (พาร์ 1 บาท ) และงวดครึ่งหลังของปี จ่ายทั้งเงินสด และหุ้น เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจ
สำหรับในปี 58 คาดว่ายอดขายของบริษัทฯ ยังเติบโตต่อจากการที่มีมูลค่างานคงค้างในมือสะสมและทิศทางตลาดต่างประเทศ ยังมีโอกาสประมูลงานเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดต่างประเทศเป็นช่องทางจำหน่ายสำคัญที่เพิ่มยอดขายและกำไรสุทธิในอนาคต