และขณะที่ก็ยังมีบริษัทที่อยู่รอการอนุมัติไฟลิ่งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)อีกราว 20 บริษัท รวมถึงในครึ่งปีหลังยังมีบริษัทที่จะเข้ามายื่นไฟลิ่งอีก 20 บริษัท หลังจากมีการประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้น(AGM) อีกทั้งยังไม่รวมถึงกองทุนที่จะมีเข้ามาเพิ่มเติมอีก
"ขณะนี้มีมาร์เก็ตแคปราว 1 แสนล้านบาทแล้ว และน่าจะมีบริษัทเข้ามายื่นไฟลิ่งพิ่มอีกจำนวน 20 บริษัทไม่รวมกองทุน รวมกับที่ค้างท่ออยู่อีก 20 บริษัท โดยขนาดมาร์เก็ตแคปก็รายละประมาณ 1,000-3,000 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่เราทาเก็ตไว้ 2.5 แสนล้านบาท"นายชนิตร กล่าว
ทั้งนี้ ตลท.ยังให้ความสนใจในบริษัทขนาดกลางในกลุ่ม SME ที่ต้องการเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ SME มีความเติบโตมากขึ้นในอนาคต จะเห็นได้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยส่วนใหญ่ 80% จะมาจากธุรกิจทั่วไป และอีก 20% จะเป็นรัฐวิสาหกิจ (SOE) หากมีการสนับสนุนและผลักดันในมากกว่านี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ตลท.จัดโครงการ "ปันหุ้น ออมบุญ" โดยเปิดรับบริจาคหุ้นจากผู้ลงทุนเพื่อมอบให้แก่มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำไปทำประโยน์ให้สังคมในวงกว้างต่อไป ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่ตลท.จัดขึ้นในโอกาสครบรอบการดำเนินงาน 40 ปี และก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ในปี 58 แสดงถึงการที่ภาคตลาดทุนร่วมดูแลภาคสังคม และตอกย้ำความมุ่งมั่นของตลท.ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยโดยคำนึงถึงสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ขอเชิญผู้ลงทุนร่วมแบ่งปันหุ้นเพื่อทำประโยชน์แก่สังคม ผ่านโครงการ "ปันหุ้น ออมบุญ" ซึ่งรับบริจาค ตั้งแต่ 1 หุ้นเป็นต้นไป ผู้ลงทุนสามารถบริจาคหุ้นได้ตั้งแต่วันนี้ โดยดาวน์โหลดแบบฟอร์มบริจาคได้ที่เว็บไซต์ www.set.co.th หรือ www.tsd.co.th และส่งเอกสารผ่านทางบริษัทหลักทรัพย์ที่ผู้ลงทุนใช้บริการอยู่ หรือ TSD Counter Service ชั้น 4 อาคารตลท. หรือส่งทางไปรษณีย์มาที่ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 62 อาคารตลท.ชั้น4 ส่วนบริการลูกค้า ถ.รัชดาภิเก เขตคลองเตย กทม. 10110 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02229 02888
นอกจากนี้ ตลท.เตรียมจัดงาน โครงการนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายพลังงานไทย ในวันที่ 25 ก.พ. นี้ โดยได้เชิญ รมว.พลังงานมาให้ข้อมูลด้านพลังงานแก่นักลงทุนในประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของภาครัฐมากยิ่งขึ้น รวมถึงเชิญรัฐมนตรีทุกกระทรวงมาร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนข้อมูลในวันนี้ด้วย