ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 369,017 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 16, 2015 17:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (9 – 13 กุมภาพันธ์ 2558) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 369,017 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 73,804 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 3.55% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 67% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 245,648 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 82,125 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 7,251 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 3.9 ปี) LB176A (อายุ 3.3 ปี) และ LB236A (อายุ 3.6 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 21,077 ล้านบาท 18,990 ล้านบาท และ 9,141 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) รุ่น CPF163A (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 724 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT162A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 393 ล้านบาท และหุ้นกู้ของธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) รุ่น UOBT165A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 324 ล้านบาท

ราคา (Price) ของพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป หรือผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทน (Yield) เพิ่มขึ้น ประมาณ 0.05% - 0.15% หากเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในทิศทางเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ภายหลังการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ เดือนมกราคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 257,000 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 230,000 ตำแหน่ง โดยนับเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันแล้วที่มีการจ้างงานมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง การที่ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนให้คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) พิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงกลางปีนี้ ส่งผลให้ราคาพันธบัตรสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลง และมีส่วนทำให้ราคาพันธบัตรของไทยปรับลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้แล้ว การขายของนักลงทุนต่างชาติบางส่วน ส่งผลให้ราคาตราสารหนี้ของไทยปรับลดลงตามไปด้วย

นอกจากนี้แล้ว การประมูลพันธบัตรระยะสั้น (อายุน้อยกว่า 1 ปี) ทั้งตั๋วเงินคลังและพันธบัตร ธปท. ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ด้วยความต้องการประมูลในจำนวนที่สูงกว่าปริมาณพันธบัตรที่ออกขาย (ค่า Bid Coverage Ratio: BCR) ประมาณ 1.31-3.1 เท่า ขณะที่ผลการประมูลพันธบัตร Inflation-Linked Bond (ILB) ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสูง 3.55 เท่าของวงเงินประมูล

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (9 – 13 ก.พ. 58) มีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาในตราสารหนี้รวมสุทธิ 2,001 ล้านบาท โดยเงินไหลออกจากตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือ > 1 ปี) ประมาณ 2,265 ล้านบาท ขณะที่ไหลเข้าในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุน้อยกว่า 1 ปี) ประมาณ 4,266 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ