ในปีนี้มีแผนการดำเนินธุรกิจครั้งใหม่ที่นับว่าเป็นการปรับโฉมธุรกิจครั้งสำคัญของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้ MLINK เป็นกลุ่มธุรกิจ (Conglomerate) ที่จะลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย (Diversified Investment Portfolio) อย่าง ธุรกิจพลังงาน ,ธุรกิจจัดหา ติดตั้ง และให้บริการระบบกล้อง และระบบการจับน้ำมันรั่วอัจฉริยะ, ธุรกิจเช่าซื้อ และธุรกิจขนส่ง เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยง อีกทั้งจะสามารถทำให้บริษัทมีความคล่องตัว พร้อมทั้งผลักดันรายได้และผลตอบแทนของบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ทั้งนี้ในธุรกิจพลังงานบริษัทฯ ได้เล็งเห็นศักยภาพการเข้าไปลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศมีความสนใจทำโรงไฟฟ้าขยะ ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งจะมีการเซ็นสัญญาได้ในเดือนมี.ค.58 และจะรับรู้รายได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ต่างประเทศ บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาการร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศลาวและพันธมิตรจากประเทศไทย เพื่อทำโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศลาว คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 1/58
ส่วนในธุรกิจจัดหา ติดตั้ง และให้บริการระบบกล้อง รวมถึงระบบการจับน้ำมันรั่วอัจฉริยะ บริษัทฯได้เข้าไปรับงานโครงการตรวจจับน้ำมันรั่วในประเทศเวียดนาม มูลค่าราว 300 ล้านบาท คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาได้ในช่วงเดือนมี.ค.นี้
อีกทั้งยังมีความสนใจในธุรกิจเช่าซื้อ (ลิสซิ่ง) โดยอยู่ระหว่างศึกษาเตรียมจัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งภาคพื้นดิน ซึ่งจะเน้นบุคลากรมืออาชีพเข้ามาปฎิบัติงาน มองว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.58 สำหรับ MSeed Asia ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่ของบริษัทที่ขยายมาสู่การพัฒนาเกมนั้น ในปีนี้คาดว่าจะสร้างได้รายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
"ในปีนี้ MLINK มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และยังเป็นปีแห่งการทำกำไร จากการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นจากกลุ่มนักลงทุนกลุ่มใหม่ที่ต้องการเข้ามาช่วยกันในการพัฒนา MLINK ให้ดีขึ้น โดยรายได้ที่ได้จากการ PP เราจะทำการเปลี่ยนแปลง โดยอันนับแรกจะเปลี่ยนแปลงประธานบอร์ดที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า และตัวผมเองก็จะเปลี่ยนมาเป็น CEO เป็นปีแรก รวมถึงจะเป็นปีที่มีการทำธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้นทั้งพลังงาน ลิซซิ่ง ขนส่ง เป็นต้น มั่นใจว่าจะขับเคลื่อนนำพา MLINK ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน "นายประสิทธิ์ กล่าว
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า จากการเพิ่มทุน PP ที่ผ่านมา จะทำให้บริษัทฯมีเงินเข้ามาราว 1,500 ล้านบาท และเป็น XR อีกกว่า 100 ล้านบาท ประกอบกับเงินสดที่มีอยู่ในมืออีกจำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท จะนำไปชำระหนี้บางส่วน และใช้ลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อต่อยอดรายได้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ขณะที่บริษัทฯก็มีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 3 เท่า ซึ่งสามารถกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินได้อีกมากในการลงทุนธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ที่จะต้องใช้เงินลงทุนราว 6-7 พันล้านบาท