นอกจากนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ใน สปป.ลาว ซึ่งการก่อสร้าง ณ สิ้นปี 57 แล้วเสร็จไปกว่า 40% โดยบริษัทคาดว่าจะเข้าซื้อหุ้น 30% ในโรงไฟฟ้าดังกล่าวจาก บมจ.ช.การช่าง (CK) โดยพิจารณาแล้วว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมเพราะขั้นตอนการก่อสร้างในเฟส 1 เสร็จสมบูรณ์แล้ว และการก่อสร้างเฟส 2 มีความเสี่ยงทางวิศวกรรมในระดับที่บริหารจัดการได้
การเข้าซื้อหุ้นโครงการไซยะบุรีในเวลานี้จะทำให้สามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม มีผลตอบแทนในระดับที่ดีตามนโยบายการลงทุนของบริษัท นอกจากนั้น ยังส่งผลให้กำลังการผลิต CKP เพิ่มจาก 755 เมกะวัตต์ เป็น 2,160 เมกะวัตต์ ซึ่งนับเป็นการเติบโตเกือบ 3 เท่า สร้างมูลค่าเพิ่มให้ CKP
นางสาวสุภามาส กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 7,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิที่ 472 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 116% ซึ่งเป็นผลจากบริษัทรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำของโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1 (BIC1) เต็มปี เทียบกับปี 56 ที่รับรู้รายได้เพียงครึ่งปี และโรงไฟฟ้าทุกแห่งของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี การเดินเครื่องมีประสิทธิภาพ สามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบริหารการเงินได้ดี
ถึงแม้ในปีที่ผ่านมาโรงไฟฟ้าหลักอย่าง โรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 (NN2) ที่ สปป.ลาว จะผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าแผนเล็กน้อยเนื่องจากฤดูฝนที่มาช้า แต่ด้วยเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของ NN2 ที่สามารถรับรู้รายได้จากบัญชีสำรองที่เคยผลิตไว้ได้เกินเป้าหมายจากปีก่อนหน้าได้ ทำให้รายได้ของ NN2 ในปีนี้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก นอกจากนั้นบริษัทเริ่มรับรู้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากธุรกิจที่เข้าลงทุนด้วย