"ปีนี้เราจะดำเนินธุรกิจโดยกระจายการลงทุนไปในหลายๆส่วนเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว โดยเตรียมเซ็นสัญญาร่วมทุน จัดตั้งบริษัทในประเทศลาว และอยู่ระหว่างการรอผลประมูลสัมปทานงานซับมารีนที่ประเทศพม่า ของบริษัทโฮลดิ้ง และล่าสุดก็ได้จับมือกับ 3 พันธมิตรยักษ์ใหญ่รุกเทคโนโลยี Cloud & virtualization ประกอบกับงานโครงการภาครัฐที่อยู่ระหว่างการเปิดประมูลในปีนี้อีก เราก็เชื่อว่ารายได้จะเติบโตได้ 10% และน่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นแตะ 10,000 ล้านบาท ในปี 60"นายศิริพงษ์ กล่าว
นายศิริพงษ์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานภาครัฐไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท คาดหวังว่าจะได้งานทั้งหมด 100% สืบเนื่องจากภาครัฐได้เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอล ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนระดับรากหญ้า ที่จะสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามรัฐบาลน่าจะมีการเปิดประมูลงานในส่วนดังกล่าวออกมาในเร็วๆนี้ และน่าจะมีมูลค่าโครงการขนาดใหญ่พอสมควร
ทั้งนี้บริษัทเตรียมเซ็นสัญญาร่วมทุนระหว่างบริษัท ,บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น(SAMART) และบมจ.ล็อกซเล่ย์(LOXLEY) โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 30% เท่ากัน ส่วนที่เหลือจะแบ่งกันในส่วนของผู้บริหาร เพื่อจัดตั้งบริษัทประกอบกธุรกิจบริหารจัดการระบบโฉนดที่ดินในลาว โดยคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ จะใช้เงินลงทุนเบื่องต้น 200 ล้านบาท โดยการร่วมทุนดังกล่าวจะส่งผลให้มีกำไรเข้ามาใน AIT
นอกจากนี้ บริษัทร่วมทุน หรือ บริษัทโฮลดิ้ง (LAS) ที่ AIT ถือหุ้นอยู่ 50% ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลประมูลสัมปทานระบบเคเบิ้ลใต้น้ำ ในประเทศพม่า มูลค่าโครงการ 7 พันล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลประมูลได้ภายใน 3-4 เดือนนี้ ขณะที่บริษัทยังมีความสนใจที่จะทำดาต้าเซ็นเตอร์ โดยอยู่ระหว่างการศึกษาและรอดูความชัดเจนของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางงบลงทุนไว้ราว 600-700 ล้านบาท รองรับการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่าง พม่า และลาว ที่น่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ และยังมีความสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินเพิ่มได้อีก 5,000-6,000 ล้านบาท