สำหรับผลประกอบการปี 57 ทำรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดเป็นสถิติใหม่ในรอบ 21 ปี โดยมีรายได้ 4.27 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปี 56 ที่มีรายได้อยู่ที่ 3.88 หมื่นล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว 3.25 หมื่นล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียมและโครงการในต่างประเทศอีก 1.01 หมื่นล้านบาท
ขณะที่กำไรสุทธิ 6.65 พันล้านบาท สูงขึ้น 14.7% จากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิ 5.8 พันล้านบาท โดยการเติบโตมาจากการบริหารต้นทุนและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าปี 57 ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจะลดลง 15.8% แต่บริษัทยังสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 13% จาก 11% ในปี 56 ซึ่งสินค้ากลุ่มทาวน์เฮาส์ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดที่ 32%
นายทองมา คาดว่าส่วนแบ่งตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลของบริษัทในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ตามแนวโน้มของเป้าหมายยอดขายของบริษัทที่วางไว้ 4.7 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับตลาดรวมที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปีนี้ที่คาดว่าจะมีขนาดราว 2.9 แสนล้านบาท
ขณะที่บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินในปีนี้ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งซื้อที่ดินไปแล้วราว 170 ล้านบาท อีกทั้งยังมีงบลงทุนอื่นๆ อีก 650 ล้านบาทสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้จำนวน 70-75 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5.5-6.1 หมื่นล้านบาท บริษัทมีที่ดินสำหรับรองรับการเปิดโครงการในปีนี้แล้วทั้งหมด 60 แปลง ส่วนที่เหลือจะทยอยซื้อเพิ่ม
ด้านนายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการอำนวยการ ของ PS กล่าวว่า บริษัทสามารถทำยอดขายในเดือน ม.ค.58 แล้ว 3.4 พันล้านบาท เติบโต 172% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงต้นปีนี้ฟื้นตัวขึ้น หลังความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มกลับมา ทำให้มั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมาย
นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่า 3 พันล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดอายุในเดือน มิ.ย.58 จำนวน 1 พันล้านบาท และเดือน พ.ย.58 จำนวน 2 พันล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่ได้ประมาณสิ้นไตรมาส 3/58 ถึงไตรมาส 4/58 โดยบริษัทประเมินว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง เป็นผลจากการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ของยุโรป ประกอบกับแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยไทยยังอยู่ในระดับต่ำ