(แก้ไข) FPI เพิ่มกำลังผลิต 30%หลังมีคลังสินค้าใหม่ ดันรายได้เข้าเป้า 2.1 พันล.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 18, 2015 15:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 58 เตรียมเพิ่มอัตรากำลังการผลิตเพิ่มอีก 30% หลังจาก Warehouse แห่งใหม่สร้างเสร็จในช่วงปลายมีนาคมปีนี้ ซึ่งจะทำให้ลดต้นทุนต่อหน่วยลง และช่วยเพิ่มมาร์จินให้กับบริษัท
"มั่นใจว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 2,100 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจะมาจาก 2 ส่วนที่สำคัญคือ การตั้งบริษัทร่วมทุนในเอกวาดอร์ และการเพิ่มกำลังการผลิต หลังจาก Warehouse หลังใหม่สร้างเสร็จ"นายสมพลกล่าว

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ INVEMIK CIA,LTDA ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำเข้ารถยนต์รายใหญ่ในประเทศเอกวาดอร์ ครองส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) 60% จากปริมาณการผลิตรถยนต์ 100,000 คันต่อปี เพื่อจัดตั้งบริษัท FORTUNE-PARTS INDUSTRY ECUADOR CIA,LTDA. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย INVEMIK CIA,LTDA ถือหุ้นในสัดส่วน 55% ขณะที่FPI ถือหุ้น 45% มูลค่าลงทุน 2 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ลงทุนซื้อแม่พิมพ์และเครื่องจักร โดยจะเริ่มก่อสร้างโรงงานในช่วงปลายปีนี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2/58 และสามารถดำเนินการผลิตได้ทันที

การเข้าไปลงทุนในเอกวาดอร์ถือเป็นจังหวะที่สำคัญในการบุกตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่มีสนธิสัญญา ANDREAN REGION ซึ่งไม่มีภาษีนำเข้าระหว่างกันในประเทศเปรู โคลัมเบีย โบลิเวีย เอกวาดอร์ โดยทั้ง 4 ประเทศดังกล่าว ยังไม่มีโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกรายใหญ่ในประเทศดังนั้นการตั้งฐานการผลิตใน ECUADOR จะเป็นการยึดตลาดผู้ผลิตรถยนต์ในทั้ง 4 ประเทศ

ผลประกอบการในไตรมาส 4/57 บริษัทมีกำไรสุทธิ 57.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.59 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 23.53 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 142.73% ขณะที่รายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น549.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 438.84 ล้านบาท และตลอดทั้งปี 57 มีกำไรสุทธิ 199.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.53 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.70% เมื่อเทียบกับปี 56

สาเหตุที่ทำให้กำไรในไตรมาส 4 ปรับตัวสูงสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการผลิตงานในกลุ่ม OEM เพิ่มขึ้น และมีการขยายตัวของตลาด REM ขณะเดียวกันยังได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดตัวโมเดลรถใหม่ในช่วงปลายปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ