นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT เปิดเผยว่า จากนโยบายภาครัฐที่ชู เศรษฐกิจดิจิทัลในการขับเคลื่อนประเทศ ส่งผลให้มีการลงทุนและพัฒนา ICT มากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการใช้ข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วและหลายรูปแบบ ตามการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการสื่อสารมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น ในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นทำตลาดเทคโนโลยีระบบ Cloud & Virtualization หรือเทคโนโลยีสำหรับการจำลองสภาพแวดล้อมให้เสมือนมีคอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่ทำงานอยู่ในคอมพิวเตอร์เครื่องหลัก ช่วยให้สามารถจัดการระบบปฏิบัติการที่หลากหลายให้สามารถทำงานได้บนฮาร์ดแวร์ชุดเดียวกัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความต้องการใช้งานเพิ่มสูงขึ้นมาก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มมากยิ่งขึ้นในอนาคต
บริษัทจึงได้เซ็นสัญญาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ 3 บริษัทชั้นนำของโลก ได้แก่ NetApp Inc. เป็นผู้นำเทคโนโลยีการบริหารและจัดเก็บข้อมูลระดับโลกและมีอัตราการเติบโตสูงสุดในประเทศไทย เทคโนโลยีของ NetApp ได้รับการยอมรับและพิสูจน์มาแล้วจากองค์กรขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศว่าช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูลเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่นสูง ตอบโจทย์การใช้งานของ Cloud และ Virtualization
VMware, Inc. ผู้นำอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และบริการ Cloud และ Virtualization ที่ช่วยกำจัดความยุ่งยากและซับซ้อนของการทำงานของระบบ IT ให้ง่าย คล่องตัว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี Virtualization ปรับโครงสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ ไปเป็น Cloud และไปยัง Mobile Device ต่างๆ ซึ่งจะสามารถส่งบริการต่างๆให้อุปกรณ์จากโมบายต่างๆได้ทุกเวลา
F5 Networks, Inc. ผู้นำระดับโลกในเทคโนโลยี Application Delivery Networking (ADN) โดยผลิตภัณฑ์ของ F5 Networks นี้จะทำหน้าที่ด้านการจัดส่งแอพพลิเคชั่นต่างๆบนระบบเครือข่ายสารสนเทศและการสื่อสาร การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การจัดการบริหารโหลดการทำงานบน Servers รวมไปถึงการตรวจความพร้อมของ Server ให้มีความพร้อมในการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้องค์กรขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่และกลุ่มลูกค้าของ Service providers ต่างๆสามารถเข้าถึงการใช้งานแอพพลิเคชั่นเหล่านั้นไม่ว่าจะมีการติดตั้งอยู่บนVirtualization Platform หรือ Cloud Computing Platform ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้โซลูชั่นของ F5 Networks ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานแอพลิเคชั่นและการจัดการข้อมูล ตลอดจนเพิ่มความรวดเร็วในการใช้งานแอพลิเคชั่นต่างๆ ผ่านทางเดสก์ท็อปขององค์กรหรือสมาร์ทดีไวซ์ เช่น iPhone , iPad หรือ Android ได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย ไม่ว่าผู้ใช้งานมีการใช้งานแอพลิเคชั่นจากสถานที่ใดก็ตาม
จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายตรงกับทั้ง 3 บริษัท ประกอบกับที่ AIT เป็นตัวแทนจำหน่าย CISCO Systems จะทำให้ AIT สามารถนำเสนอสินค้าและบริการระบบ Cloud & Virtualization ในรูปแบบของโซลูชั่นเทคโนโลยีให้แก่ลูกค้าหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนขนาดใหญ่ และ Service Provider ได้อย่างครบวงจร และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าภายใต้ยุคเศรษฐกิจดิจิตอลได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ AIT มุ่งต่อยอดการให้บริการในด้าน Cloud & Virtualization ให้แก่ลูกค้า จากแรงผลักดันนโยบายเศษฐกิจดิจิทัล ทำให้มองเห็นโอกาสขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตการใช้ข้อมูลในด้านของ Cloud และ Digital Content รวม ถึง Big Data จึงเลือกจับมือร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับทั้ง 3 บริษัทที่เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีดังกล่าว
"เราจะเป็นผู้รวบรวมและนำเสนอโซลูชั่นระบบ Cloud & Virtualization ได้แบบครบวงจร ส่งผลให้ AIT สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายในด้านของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น"นายศิริพงษ์ กล่าว
บริษัทมองว่าการรุกขยายธุรกิจไปสู่ระบบ Cloud & Virtualization ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในการเข้ารับงานจากลูกค้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและเอกชนต่างๆ มากยิ่งขึ้น และส่งผลดีต่อการผลักดันรายได้ของ AIT ให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าภายใน 1 ปีหลังจากรุกธุรกิจ ในครั้งนี้ จะผลักดันรายได้เติบโต 10-15%