ขณะที่ตลาดภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในวันตรุษจีน ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งเช้านี้มีการเคลื่อนไหวในแดนบวกเล็กน้อย
พร้อมให้แนวรับ 1,595 จุด ส่วนแนวต้าน 1,610-1,615 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(18 ก.พ.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,029.85 จุด ลดลง 17.73 จุด(-0.10%),ดัชนี
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 38.18 จุด
- ส่วนตลาดหุ้นจีน , ตลาดหุ้นฮ่องกง ,ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ,ตลาดหุ้นสิงคโปร์, ตลาดหุ้นมาเลเซีย และตลาดหุ้นไต้หวัน
ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(18 ก.พ.58) 1,603.14 จุด เพิ่มขึ้น 15.39 จุด(+0.97%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 494.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.พ.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(18 ก.พ.58) ปิดที่ 52.14 ดอลลาร์/
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(18 ก.พ.58)ที่ 8.33 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.56/57 นักบริหารเงินมองว่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าต่อเนื่อง
- นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำเห็นได้จากพันธบัตรระยะยาว 10 ปี มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.6% เป็นช่วงที่ภาคเอกชนน่าจะลงทุนขยายกิจการเพราะต้นทุนจะต่ำ โดยเฉพาะการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่ง ธปท.ได้ขยายวงเงินการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มจาก 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นแนวทางการส่งเสริมให้นำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศของธปท.
- นายชูศักดิ์ เกวี อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้เสนอแผนลงทุนโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว 2 เส้นทาง คือ เส้นทางบางปะอิน-นครราชสีมา วงเงินลงทุนรวม 8.4 หมื่นล้านบาท และเส้นทางบางใหญ่-กาญจนบุรี วงเงินลงทุนรวม 5.5 หมื่นล้านบาท พร้อมกันนี้ได้เสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาลงทุน 2 แนวทาง คือ 1.ให้กระทรวงการคลังหาเงินกู้ในประเทศหรือออกบอนด์มาลงทุน 2.ให้เอกชนลงทุนและรัฐจ่ายเงินคืนภายหลังพร้อมดอกเบี้ย เบื้องต้นจากการประชุมร่วมกันหลายฝ่ายเห็นว่า แนวทางแรกน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะขณะนี้สภาพคล่องภายในประเทศมีจำนวนมาก
- นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า มีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านที่กระทบต่อเป้าหมายการส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ 4% ทั้งปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าบาทไทยแข็งค่ากว่าสกุลอื่น เศรษฐกิจยุโรปยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งล่าสุดประสบปัญหาเงินเฟ้อติดลบ รวมถึงความผันผวนของราคาน้ำมัน และการแข่งขันส่งออกโลกที่รุนแรง แต่อย่างไรก็ตามกรมจะมีการทบทวนสถานการณ์และเป้าหมายการส่งออกปี 2558 หลังไตรมาสแรกปีนี้
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% หรือ 0.5% จะไม่ได้มีผลในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมากนัก แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ผลต่อการส่งออกเพราะเมื่อปรับดอกเบี้ยลง อัตราแลกเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนไป ค่าเงินจะอ่อนลง จึงมีผลต่อการช่วยเหลือภาคส่งออก ส่วนเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจต้องใช้นโยบายการคลังอยู่แล้ว
- ครม.ไฟเขียวมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพเบิกจ่ายงบประมาณ เน้นขับเคลื่อนงบลงทุนลงระบบเศรษฐกิจ หลังพบยังจ่ายล่าช้ากว่า 1.2 แสนล้านบาท "สมศักดิ์"ชี้ครม.รับทราบหลักการดึงรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงขันนอต สั่งหัวหน้าส่วนราชการเร่งรัด วางเป็นKPI ประเมินผลงาน ขู่ตัดงบฯ 59 หากทำไม่ได้ตามเป้าหมาย ขณะรัฐบาลตั้งครม. เศรษฐกิจ 19 คน เร่งเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ
*หุ้นเด่น
-BANPU( เคเคเทรด) แนะ"ซื้อ"เชื่อปี 58 กลับมาโดดเด่น ราคาหุ้นที่ยังคง laggard จากกลุ่มพลังงาน ซื้อขายอยู่เพียง 1xPB’15 เท่านั้น กำไรสุทธิปี 58 เพิ่มขึ้น 35%YoY จากรายได้กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และUpside จากการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ คาดชัดเจนในปีนี้8 ด้านเงินปันผล 2H57 จ่าย 0.7 บาททำให้ปี 57 ยังจ่ายในอัตราเดียวกับปี 56 ที่ 1.2 บาท แม้กำไรจะลดลงกว่า 15% XD 10 เม.ย. และจ่าย 29 เม.ย.
-BBL(เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ)แนะ"ซื้อ"มองความต้องการสินเชื่อเพื่อภาคธุรกิจจะฟื้นตัวใน 2H58 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ว่าคาดจะปรับตัวดีขึ้น พร้อม NPL coverage ที่แข็งแกร่ง เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 230 บาท ความเสี่ยงคือการใช้จ่ายของภาครัฐที่ยังคงชะลอตัว และการเติบโตของภาคการบริโภคที่ยังคงอ่อนแอในต่างจังหวัด เนื่องจากระดับหนี้ที่สูง พร้อมราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทรงตัวในระดับต่ำ
-GLOBAL(ธนชาต) แนะ"ซื้อ"คาดว่าผลประกอบการฟื้นตัวในปี 58 เพิ่มขึ้น 39% y-y ปัจจัยหลักผลักดันกำไรน่าจะเป็นยอดขายสาขาเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 3.5%, 7 สาขาใหม่ที่มีกำหนดการจะเปิด และการลดลงของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย
-SAWAD(ธนชาต)แนะ"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐานที่ 42 บาท โดยมองการเติบโตสินเชื่อแข็งแกร่งประมาณ 30% ต่อปีในปี 2014-16 และต้นทุนการกู้ยืมเงินที่ต่ำลงหลัง Listed ในตลาด หนุนผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่ง 41% ต่อปีในระยะ 4-5 ปีข้างหน้า 2) ธุรกิจตามเก็บหนี้มีแนวโน้มดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม