นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ SITHAI มองว่า ยอดขายปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 12% จากปีก่อน หลังจากยอดขายปีที่แล้วพลาดเป้าหมาย 1 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 9.8 พันล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันร่งงลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อสินค้า เพราะคาดว่าราคาสินค้าอาจจะปรับลดลงอีก
"ปีนี้เราคาดว่าจะโตได้ 12% จบที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโตเพราะการส่งออกของเรา และจากฐานการผลิตในต่างประเทศ...ในประเทศก็เติบโตแต่อยู่ในส่วนของการค้าชายแดน ส่วนภายในเองเศรษฐกิจยังไม่ดีในไตรมาสแรก domestic ยัง weak จากปัญหาราคาสินค้าเกษตร ภัยแล้ง หนี้ครัวเรือน และงบลงทุนภาครัฐก็ยังไม่ค่อยออก"นายสนั่น กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
SITHAI ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกและเมลามีนรายใหญ่ของไทย ยังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินงานในปี 57 แต่ในปี 56 บริษัทมียอดขายราว 9.4 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 486.97 ล้านบาท
นายสนั่น คาดว่า สัดส่วนรายได้จากการส่งออกในปีนี้จะเพิ่มเป็น 28% จาก 24% ของรายได้รวมในปีที่แล้ว ขณะที่รายได้จากการขายในประเทศลดสัดส่วนลงเหลือระดับ 72% จาก 76% โดยสัดส่วนยอดขายยังมาจากผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นหลักที่ 70% ,เมลามีน 25% และธุรกิจเทรดดิ้ง 5%
ในปีนี้บริษัทจะรุกตลาดในกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ,ลาว ,เมียนมาร์ และเวียดนาม รวมถึงอาเซียน ทั้งอินโดนีเซีย และมาเลเซียที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ ยังจะเปิดตลาดสินค้าเมลามีนภายใต้แบรนด์ซุปเปอร์แวร์ในจีน ซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตมาก แต่ที่ผ่านมาไม่ได้บุกตลาด เพราะยังติดสัญญากับโรงงานผลิตเมลามีนในจีนที่บริษัทได้ขายหุ้นออกไปก่อนหน้านี้ ทำให้ไม่สามารถทำตลาดภายในแบรนด์ดังกล่าวได้
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะทำได้ในระดับไม่ต่ำกว่า 19% ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ทำได้ 19.1-19.2% แม้ว่าทิศทางราคาน้ำมันที่ลดลง และส่งผลต่อราคาเม็ดพลาสติกลดลงด้วย เนื่องจากยังมีการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ประกอบการไม่มีมาร์จิ้นมากนัก ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงเร็วทำให้ลูกค้าชะลอสั่งซื้อสินค้าด้วย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดราคาน้ำมันเริ่มมีเสถียรภาพที่ 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลน่าจะทำให้การบริหารจัดการสินค้าดีขึ้น
*ตั้งงบลงทุนปีนี้ 1.5 พันลบ.
นายสนั่น กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนที่ระดับ 1.5 พันล้านบาท เพื่อใช้ขยายงานทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะใช้ลงทุนในประเทศราว 500 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อกิจการโรงงานบรรจุเครื่องดื่ม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการให้บริษัทรับจ้างบรรจุเครื่องดื่มด้วย คาดว่าจะสรุปภายในปีนี้ แต่หากเจรจาไม่สำเร็จบริษัทอาจต้องลงทุนติดตั้งเครื่องจักรเอง เพราะตลาดเครื่องดื่มต่างๆยังมีศักยภาพการเติบโตมาก
"ตอนนี้เราเจรจาซื้อกิจการโรงงานบรรจุน้ำดื่ม น้ำส้ม น้ำผลไม้อยู่ เพราะลูกค้าเดิมที่สั่งเราทำขวด เขาต้องการให้เราเติมน้ำเข้าไปด้วย ตอนนี้เราก็กำลังเจรจาอยู่ ถ้าเจรจาไม่สำเร็จภายในปีนี้ เราก็อาจจะทำเอง"นายสนั่น กล่าว
ส่วนงบลงทุนที่เหลือราว 1 พันล้านบาทส่วนใหญ่ประมาณ 650 ล้านบาท จะใช้ลงทุนในเวียดนามที่เป็นการสร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่องานอุตสาหกรรมในกรุงฮานอย นับเป็นโรงงานแห่งที่ 3 ในเวียดนามที่จะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ขณะที่โรงงานอีก 2 แห่งเป็นโรงงานเมลามีนและโรงงานพลาสติกในกรุงโฮจิมินห์ก็มีการขยายงานเพิ่มอีกเล็กน้อย
ขณะที่เงินลงทุนส่วนที่เหลือจะใช้ลงทุนในโรงงานผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนที่ทำจากเมลามีนในอินเดีย ที่ยังคงเหลือการติดตั้งเครื่องจักรอีกเล็กน้อย คาดว่าโรงงานแห่งนี้จะเริ่มผลิตและส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ในเดือน เม.ย.นี้ล่าช้าเล็กน้อยจากแผนเดิมที่คาดว่าจะเริ่มผลิตในเดือน ม.ค.58
อย่างไรก็ตาม แม้โรงงานแห่งนี้จะเริ่มดำเนินการผลิตแล้ว แต่บริษัทก็จะยังคงส่งสินค้าจากไทยเข้าไปจำหน่ายด้วยเช่นกัน เพราะอินเดียมีตลาดที่ใหญ่มาก และสินค้าก็จะอยู่คนละกลุ่มกัน
นายสนั่น กล่าวว้า บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มในอินโดนีเซียป จากที่ก่อนหน้านี้ได้ชะลอโครงการเพราะการเจรจากับพันธมิตร 2 ราย ก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ เนื่องจากพันธมิตรต้องการที่จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ขณะที่บริษัทก็ต้องการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ต่ำกว่า 51% เช่นเดียวกัน
"เรากำลังเจรจากับเจ้าใหม่ เรื่องนี้ต้องใจเย็น แต่เรายังตั้งใจที่จะเข้าไปตั้งโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม ซึ่งเรามองว่ายังมีการขยายตัวได้มาก แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของสหภาพ รัฐบาลในท้องถิ่น...แผนปีนี้ก็มีงบลงทุนในอินโดฯเบื้องต้นประมาณ 70 ล้านบาท"นายสนั่น กล่าว
นายสนั่น กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนเร่งขยายงานในเวียดนามอย่างเร็ว เพื่อรองรับตลาดที่มีการเติบโตอย่างมากในอนาคต โดยบริษัทเตรียมที่จะระดมเงินทุนเพิ่ม ด้วยการนำ Srithai (Vietnam)เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯของไทย ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี 59
ปัจจุบัน SITHAI มีโรงงานในไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยในไทยและเวียดนาม เป็นโรงงานผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนที่ทำจากเมลามีน และบรรจุภัณฑ์พลาสติก ขณะที่อินโดนีเซีย เป็นโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เมลามีน