ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing จากสิงคโปร์ ซึ่งจะทำการตั้งศูนย์กระจายสินค้าใน 3 เมืองหลัก คือ Los Angeles,Hong Kong,และ Singapore เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคในอเมริกา,แคนาดา,แม็กซิโก,ไต้หวัน,ญี่ปุ่น เกาหลี,มาเลเซีย,บรูไน และอินโดนีเซีย ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ LIV สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV, ผลิตภัณฑ์ Arthrinok แก้อาการข้อเสื่อม และผลิตภัณณ์ Gold Shape เพื่อผู้ต้องการกระชับสัดส่วน โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมี.ค.,เม.ย.,และมิ.ย.58 ตามลำดับ
"เรามองว่ากำลังซื้อในประเทศจะหายไป เราจึงขยายช่องทางไปต่างประเทศ ซึ่งเราได้ใช้ช่องทางขายในรูปแบบ Digital Marketing โดยบริษัทได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านดังกล่าว เพื่อนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายให้กับผู้บริโภคต่างประเทศ ซึ่งคาดหวังรายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,600 ล้านบาท ส่งผลทำให้รายได้รวมจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ เมื่อรวมกับการตลาดในประเทศในช่องจำหน่ายตรง และ Tele-Marketing"นายพิเชษฐ์ กล่าว
นายพิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับช่องทางจำหน่ายเดิมที่มีอยู่ในประเทศปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตใกล้เคียงปีก่อนโดยในส่วนของช่องทางการบริการตรง (Direct Service Marketing)จะเติบโตเพิ่มขึ้น 10% เป็น 258 ล้านบาท ,ช่องทาง TV เพิ่มขึ้นเป็น 117 ล้านบาท จาก 100 ล้านบาทในปี 57,ช่องทาง TV ผ่าน Agent ทั้งปีจะอยู่ที่ 72 ล้านบาท เป็นต้น
สำหรับการก่อสร้างโรงงานเพิ่มอีก 2 แห่งนั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว 1 แห่ง ซึ่งเป็นโรงงานเพื่อไว้เก็บสินค้า ขณะที่โรงงานผลิตสินค้าสุขภาพและความงามจากธรรมชาติ จะแล้วเสร็จได้ในช่วงเดือนเม.ย.นี้ จะช่วยรองรับการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นได้ภายใน 2 ปีนี้
นอกจากนี้บริษัทยังแผนจะย้ายเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ด้วย แต่ตงยังไม่ใช่ปีนี้แน่นอน โดยบริษัทมีความสบายใจที่จะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ก่อน หลังได้รับรางวัล Most Improved CSR,Best Company Performance และ Best CEO โดย ปัจจุบันบริษัทมีมาร์เกตแคปกว่า 7,000 ล้านบาท