เนื่องจากบริษัทมองว่าราคาที่กำหนดไว้ไม่สมเหตุสมผลและขัดแย้งกับสถานการณ์จริงที่ราคาคต้นทนการผลิตรถปรับตัวสูงขึ้น โดยราคารถเมล์ NGV ที่บริษัททำราคาได้จะอยู่ที่ 4.5 ล้านบาท/คัน แต่ถึงบริษัทจะไม่เข้าร่วมประมูลครั้งนี้ก็จะไม่กระทบต่อผลประกอบการที่ได้คาดการณ์ไว้ เพราะโครงการนี้ไม่ได้รวมไว้ในประมาณการรายได้ปกติ อีกทั้ง บริษัทยังมีงานอื่นๆที่เป็นงานหลักที่จะมีการประมูลและทยอยรับรู้รายได้อยู่อย่างต่อเนื่อง
"เรายังคงตัดสินใจไม่เข้าร่วมประมูลรถเมล์ NGV กับทางขสมก.ในรอบนี้เช่นเดิม หลังจากที่เขายกเลิกรอบที่แล้วไป เพราะคนที่เข้าประมูลคุณสมบัติไม่ได้และมีการไปปรับแก้เงื่อนไข แต่ราคารถในรอบนี้ก็ยังไม่ปรับ ยังอยู่เท่าเดิม ซึ่งเป็นราคาที่เราไม่สามารถทำได้ ซึ่งมันก็ขัดกับความเป็นจริงที่ราคารถมีการปรับตัวสูงขึ้น หากเราทำเราก็ต้องมีการเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นการนำเงินหลวงมาโกงหลวง เราก็ไม่อยากทำ อีกทั้งราคารที่ขสมก.กำหนดต้องมีการค้ำประกันกับแบงก์เยอะเกิน ผิดปกติ"นายสุรเดช กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อนึ่ง ขสมก.ได้กำหนดเปิดขายซองประกวดราคาจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิง NGV จำนวน 489 คันครั้งใหม่ในวันที่ 19-27 ก.พ.58 ซึ่งเลื่อนออกมาจากกำหนดเดิมวันที่ 9-13 ก.พ.58 เนื่องจากต้องเพิ่มเงื่อนไขข้อตกลงคุณธรรมที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติก่อนหน้านี้ไว้ในทีโออาร์ด้วย ขณะที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงราคากลางที่กำหนดคันละ 3.65 ล้านบาท
สำหรับการเปิดขายซองประกวดราคาในรอบที่ผ่านมา มีเอกชนยื่นซองประกวดราคามา 3 ราย จากทั้งหมดที่ซื้อซองประกวดราคาไป 33 ราย แต่ก็ต้องยกเลิกไป เพราะทั้ง 3 รายไม่มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไข
นายสุรเดช เปิดเผยว่า รายได้ในปีก่อนคาดว่าจะเติบโตราว 50% มาที่ประมาณ 1.4 พันล้านบาท และในปีนี้จะเติบโตขึ้นอีกราว 10% เพราะจะรับรู้รายได้จากงานในมือที่สิ้นไตรมาส 3/57 มีอยู่กว่า 600 ล้านบาททั้งหมดในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทจะออกสินค้าใหม่เพื่อเสนอขายให้กับลูกค้าในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงครึ่งแรกของปี เป็นการทดสอบตลาดก่อน และหากมีผลตอบรับที่ดีบริษัทจะส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศในปีต่อไปด้วย
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศออสเตรเลีย ซึ่งปัจจุบันได้มีการรับออเดอร์ให้ประกอบรถลำเลียงอาหารแล้ว 3-4 คัน มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการประกอบรถลำเลียงอาหาร คาดว่าจะสามารถส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ภายในเดือน เม.ย.และจะรับรู้รายได้จากการส่งสินค้าได้ในช่วงไตรมาส 2/58 ซึ่งหากส่งสินค้าล็อตแรกให้กับลูกค้าได้สำเร็จ จะทำให้มีโอกาสให้บริษัทได้รับออเดอร์จากลูกค้าทางออสเตรเลียเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนความคืบหน้าการเข้าร่วมประมูลงานใหม่ที่ดูไบนั้น จะเป็นการประมูลรถลำเลียงอาหารที่ใช้ในสนามบินจำนวน 18-20 คัน มูลค่าหลายร้อยล้านบาท โดยเมื่อวานนี้บริษัทได้ยื่นซองประมูลไปแล้ว และคาดว่าบริษัทมีโอกาสชนะการประมูล 80% ซึ่งหากบริษัทชนะการประมูลจริงนั้นก็จะใช้เวลาในการประกอบรถและส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ภายใน 4-6 เดือน
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและการจัดทำแผนการขยายฐานลูกค้า หากบริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้ตามแผน จะส่งผลให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 60% จากปัจจุบันอยู่ที่ 50% สำหรับงบลงทุนปีนี้จะอยู่ที่ 200 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการขยายศูนย์ซ่อมบำรุงของบริษัท