นายอาลก โลเฮีย รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม IVL ระบุว่าเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การกู้ยืมและการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ที่มีลักษณะคล้ายทุน จากเงินลงทุนรวม 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนจำนวน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 58 ซึ่งเป็นโครงการที่ได้ประกาศไปแล้วจำนวน 0.6 พันล้านเหรียญสหรัฐและที่เหลืออีกจำนวน 0.9 พันล้านเหรียญสหรัฐที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา
โดยหากโครงการดังกล่าวมีการประกาศและเสร็จสิ้น บริษัทคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ 25% ในปีนี้ เทียบกับปีก่อน ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ประมาณ 1 เท่าในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.83 เท่า ณ เดือนธ.ค.57 ขณะที่บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง เนื่องจาก มีรายได้หลักมาจากผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน
สำหรับในปี 57 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.48 พันล้านบาท เพิ่มขั้น 12% จากปี 56 และมีกำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) เติบโต 30% จากปี 56 อยู่ที่ 19.5 พันล้านบาทในปี 57 ขณะที่ราคาวัตถุดิบในครึ่งหลังปี 57 ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 22.4 พันล้านบาทในปี 57 หรือเพิ่มขึ้น 114% จากปี 56 "กลยุทธ์ของบริษัทมุ่งเน้นการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) เริ่มแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทน เรากำลังพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์เส้นใยสำหรับสินค้าเพื่อสุขอนามัยจากสินทรัพย์หลายแห่งที่เรามีให้ดำเนินงานอย่างสมบูรณ์และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์เส้นใยและเส้นด้ายสำหรับยานยนต์และอุตสาหกรรมเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัย เช่น ยางรถยนต์ เข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัย เป็นต้น กำไรที่สูงขึ้นจากธุรกิจเส้นใยเส้นด้ายและการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง"นายโลเฮีย กล่าว
นายโลเฮีย กล่วาว่า อย่างไรก็ตามจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้มีการบันทึกการขาดทุนจากการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือในไตรมาสที่ 4 ในขณะเดียวกันส่งผลดีต่อบริษัท ทำให้มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสูงขึ้น เนื่องจากเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการลดลงจากราคาที่ต่ำลง
ขณะเดียวกันบริษัทกำลังดำเนินการตามแผนกลยุทธ์โดยการเข้าซื้อกิจการที่ช่วยเสริมสร้างผลกำไรและกระแสเงินสด ธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นประเภท PET และบรรจุภัณฑ์กำลังเติบโต ในทางภูมิศาสตร์ โดยขยายการให้บริการลูกค้าหลักในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะในประเทศตุรกี ซึ่ง IVL เป็นผู้ผลิต PET รายหลักในปัจจุบัน โดยมีการเพิ่มปริมาณการผลิตของโรงงานผลิต PET ในเมืองกวางตุ้ง รวมทั้งโรงงานผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์แห่งใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย Polychem หรือ CP4 และเพิ่มผลผลิตของโรงงานอื่นๆเช่น ที่โปแลนด์ โดยการเพิ่มกำลังการผลิต
นอกจากนี้ยังคาดว่าจะเสร็จสิ้นข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการ Performance Fibers Asia ในประเทศจีนเร็วๆนี้ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมงานกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับยานยนต์ในยุโรป สำหรับการเข้าซื้อกิจการ Polyplex ในประเทศตุรกี จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในตลาด PET ในภูมิภาคยุโรปตะวันออกเฉียงใต้และขยายปริมาณการผลิตในตลาดหลัก
ขณะที่ยังมุ่งเน้นด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยมีปริมาณการผลิตผลิตภัณฑ์รีไซเคิลเพิ่มขึ้นและมีการขยายกำลังการผลิตไปยังประเทศเม็กซิโกและไทยในปี 57
IVL ระบุด้วยว่า กลุ่มธุรกิจ PET คิดเป็นสัดส่วน 50% ของปริมาณการผลิตรวมของ IVL โดยปีที่ผ่านมามีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น 7% มาที่ 3.1 ล้านตัน ,ธุรกิจเส้นใยและเส้นด้าย มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น 26% เป็น 1.15 ล้านตัน และธุรกิจวัตถุดิบ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 32% ของปริมาณการผลิต