รวมทั้งยังคาดว่าบริษัทจะได้รับผลดีจากโครงการโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์ชุมชนที่มีการจำหน่ายไฟ(COD) ส่งผลให้ความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้าในปีนี้ โดยเฉพาะหม้อแปลงไฟฟ้าระบบกำลัง ขนาด 5,000 – 30,000 KVA 72 KV) และหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯ มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 300 ล้านบาท
"ปีนี้เราตั้งเป้ารายได้ ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท รายได้ในปีนี้ น่าจะทำนิวไฮ มากกว่าในทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยจะมุ่งเน้นงานในส่วนงานเอกชนเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงตอนนี้ ความต้องการใช้หม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์มด้วย ขณะที่ตลาดต่างประเทศตอนนี้เราก็มองเห็นโอกาสเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ"นายพูลพิพัฒน์กล่าว
พร้อมกันนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมียอดสั่งซื้อกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากการขยายการลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่มีการเปิดประมูลงานใหม่ โดยจะเห็นจากสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากคำสั่งซื้อหม้อแปลงที่กลับมาและยอดขายจากต่างประเทศที่เริ่มมีออเดอร์กลับเข้ามา
สำหรับผลการดำเนินงานปี 57 (มกราคม-ธันวาคม) บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 760.50 ล้านบาท ลดลงจากปี 56 ซึ่งมีจำนวน 803.95 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการลดลงร้อยละ 5.40 ขณะที่มีกำไรสุทธิจำนวน 55.29 ล้านบาท โดยรายได้ที่ลดลงเป็นผลมาจากความผันผวนทางด้านการเมืองส่งผลให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีการชลอการลงทุนในโครงการต่างๆ
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานปี 57 อัตราหุ้นละ 0.18 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 27 เม.ย.58 และวันที่จ่ายปันผล 15 พ.ค.58