ขณะนี้บริษัทมองโอกาสการเข้าซื้อกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติม โดยเฉพาะในอ่าวไทยที่เจรจาอยู่ 2-3 ดีล คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และยังให้ความสนใจที่จะยื่นข้อเสนอสำรวจปิโตเลียมสำหรับสัมปทานรอบที่ 21 แปลงในอ่าวไทย รวมถึงสนใจแหล่งปิโตรเลียมในอินโดนีเซียด้วย โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบราว 20% ของกำลังกลั่นของบริษัทในปี 63 จากปัจจุบันที่มีราว 4% ของกำลังการกลั่นหลังจากเข้าลงทุนใน Nido เมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ BCP ยังจะเดินหน้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าประเภทกรีนพาวเวอร์เพิ่มเติมเป็นมากกว่า 500 เมกะวัตต์ในปี 63 จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แล้ว 118 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทให้ความสนใจจะยื่นเสนอทำโครงการโซล่าร์สหกรณ์ราว 50 เมกะวัตต์ด้วย ขณะที่แผนเข้าร่วมลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น ขนาดราว 100 เมกะวัตต์จะชัดเจนในปีนี้ และคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จในปีหน้า
รวมถึงบริษัทยังสนใจจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจขั้นต้นของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิต และการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากความร้อนใต้ภิภพในอินโดนีเซียด้วย อีกทั้งสนใจร่วมลงทุนส่วนน้อยแหล่งแร่ลิเธียมในทวีปอเมริกาเหนือด้วย เนื่องจากมองว่าจะเป็นแหล่งวัตถุดิบที่รองรับการผลิตแบตเตอร์รี่ที่มีความจำเป็นต้องใช้หมุนเวียนในตลาดจำนวนมาก
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 63 ธุรกิจ E&P จะสร้าง EBITDA ราว 5 พันล้านบาท กรีน พาวเวอร์ สร้าง EBITDA ราว 5 พันล้านบาท ธุรกิจไบโอดีเซลและเอทานอลสร้าง EBITDA ราว 1 พันล้านบาท
สำหรับธุรกิจโรงกลั่นจะใช้เงินลงทุนส่วนหนึ่งในแผนระยะยาวถึงปี 63 ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือราว 2 หมื่นล้านบาทเพื่อเป็นงบซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน ขณะที่อีก 2 หมื่นล้านบาทจะใช้ลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพโรงกลั่น โรงไฟฟ้า งานบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การบริการ และอื่นๆ โดยมีเป้าหมายว่าในปี 63 จะมี EBITDA จากกลุ่มโรงกลั่นราว 8 พันล้านบาท จากการเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นได้มากกว่า 1.2 แสนบาร์เรล/วัน ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกสร้าง EBITDA ได้ 3.2 พันล้านบาท เป็นต้น
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ที่มาของเม็ดเงินลงทุน 9 หมื่นล้านบาทจะมาจากกระแสเงินสดราว 50% ส่วนที่เหลือจะมาจากหุ้นกู้ ซึ่งบริษัทจะขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาทในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยในช่วง 1-2 ปีนี้จะใช้เงินลงทุนราว 40-50% ซึ่งเป็นการลงทุนต่อเนื่อง
"ช่วง 2 ปีแรกเราไม่ต้องใช้เงินจากการเพิ่มทุนเลย การขอเพิ่มทุนเผื่อไว้ถ้ามีโอกาสดีๆ ที่ต้องใช้เงินเยอะก็สามารถเพิ่มทุนได้"นายชัยวัฒน์ กล่าว
นายชัยวัฒน์ ยังเปิดเผยถึงแผนงานและแนวโน้มผลประกอบการในปี 58 ว่า บริษัทตั้งเป้าหมาย EBITDA เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 1.04 หมื่นล้านาบท จาก 5.16 พันล้านบาทในปีก่อน โดยจะขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เช่น ในกลุ่มกรีน พาวเวอร์จะมีกำลังการผลิตเพิ่มประมาณ 100-150 เมกะวัตต์ และมีเป้าหมายเพิ่มอีก 300 เมกะวัตต์ในอีก. 2 ปีข้างหน้า ส่วนกำลังการกลั่นจะเพิ่มเป็น 1.05 แสนบาร์เรล/วัน จาก. 8.65 หมื่นบาร์เรล/วันในปีที่แล้ว และคาดว่าจะมีค่าการกลั่นเฉลี่ย 6-7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ด้านเป้าหมายยอดขายน้ำมันคาดการณ์ไว้กว่า 450 ล้านลิตร/เดือน โดยจะขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีก 70 แห่ง และมีเป้าหมาย 6 ปีข้างหน้ จะเพิ่มสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศอีกกว่า 400 แห่ง เพื่อเพิ่มจำนวนเป็นกว่า 1,500 แห่ง ด้านธุรกิจไบโอดีเซลอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น. 8.1 แสนลิตร/วันในต้นปี 59 จาก 3.6 แสนลิตร/วันขณะนี้ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานเอทานอลแห่งใหม่ด้วย
ส่วนกรณีที่ บมจ.ปตท.(PTT)จะเสนอขายหุ้น BCP ส่วนที่เหลือราว 12% จากที่เสนอขายให้กับกองทุนวายุภักษ์ไปแล้วส่วนหนึ่งนั้น ขณะนี้กลุ่มผู้บริหารและพนักงานบางจากได้ยุติแผนที่จะเข้าซื้อหุ้น BCP จาก PTT ไปแล้ว หลังจากที่เหลือหุ้นที่จะเสนอขายลดลงไปมาก โดยมองว่าทาง PTT คงต้องการขายให้ได้ราคาสูงกว่าที่กลุ่มเคยเสนอไป
"เราไม่ได้เดินหน้าต่อ ที่เสนอไปตอนนั้นจะซื้อประมาณ 27% เราทำไปในราคาที่ต่ำ เขาคงอยากจะได้ราคาที่ดี"นายชัยวัฒน์. กล่าว
นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานด้านบัญชีและการเงิน BCP กล่าวว่า ในต้นเดือน มี.ค. บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ในลักษณะกรีนบอนด์เพื่อนำเงินไปลงทุนในธุรกิจกรีน พาวเวอร์และอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะออกหุ้นกู้วงเงินราว 3 พันล้านาบท อายุหุ้นกู้ 12-15 ปี เสนอขายให้กับนักลงทุนในปนะเทศ ซึ่งขณะนี้นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจจำนวนมาก