"ปีนี้รายได้เราน่าจะเกิน 1,500 ล้านบาท จากปี 57 ที่มีรายได้ 1,030 ล้านบาท เนื่องจากเราจะมีการรับรู้รายได้ของ APC เข้ามาในปีนี้ ขณะที่ก็มีการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนที่จะส่งผลให้รายได้ปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งสัดส่วนรายได้ปีนี้จะมาจากธุรกิจเทรดดิ้งราว 60% และธุรกิจพลังงานทดแทน 40%"นายชัชพล กล่าว
ส่วนแผนซื้อกิจการพลังงานทดแทนประเภทโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา 2-3 รายนั้น นายชัชพล คาดว่า จะได้ข้อสรุปในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.นี้ จำนวน 1 ดีล มูลค่าราว 600-700 ล้านบาท กำลังการผลิตน้อยกว่า 10 เมกกะวัตต์ โดยบริษัทฯจะเข้าร่วมกับพันธมิตรในประเทศในการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว และจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ทันที
สำหรับงบลงทุนปีนี้ตั้งไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะมีการลงทุนต่อเนื่องในส่วนของโรงไฟฟ้าไบโอก๊าซทั้ง 3 แห่ง กำลังการผลิตรวม 4.5 เมกกะวัตต์ รวมถึงยังอยู่ระหว่างรอดูระเบียบและแผนการรับซื้อไฟฟ้าในอัตราใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)ที่คาดว่าจะประกาศได้ในช่วงเดือนมี.ค.นี้ หากคุ้มค่ากับการลงทุนบริษัทก็จะเดินหน้าแผนสร้างโรงไบโอก๊าซ 3-4 โครงการ ใช้เงินลงทุน 150 ล้านบาทต่อแห่ง เน้นพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันตก และภาคอีสาน
นอกจากนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะ โดยในช่วงที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาเจรจากับบริษัทฯหลายราย แต่ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ เนื่องจากต้องการรอความชัดเจนของระเบียบภาครัฐก่อน
นายชัชพล กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้มีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นหุ้นปันผลในสัดส่วน 8:1 เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น UAC อีกทั้งยังเป็นการสำรองเงินสดไว้ใช้ในการลงทุนโครงพลังงานทดแทนที่บริษัทฯมีแผนจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับจะช่วยเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ให้สูงขึ้น โดยบริษัทฯมีแผนย้ายเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อรายได้ปรับเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 3,000 ล้านบาท /ปี