"ดาวเทียมไทยคม 7 จะเป็นตัวที่เข้ามาเสริมรายได้ให้กับบริษัทแม้ว่าจะมีการรับรู้รายได้ไม่เต็มปีในปีนี้"นายวุฒิ กล่าว
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทยังมีรายได้จากดาวเทียมไทยคม 6 ที่จะรับรู้เข้ามาเต็มปี รายได้จากการใช้ช่องสัญญาณไอพีสตาร์ของดาวเทียมไทยคม 4 ที่ปัจจุบันมีอัตราการใช้ช่องสัญญาณอยู่ที่ 57% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 59% ในปีนี้ จากการขายช่องสัญญาณให้กับลูกค้าในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย อีกทั้งบริษัทคาดว่าอาจจะมีการขายช่องสัญญาณแบบยกล็อตเพื่อทำให้อัตราการใช้ช่องสัญญาณของไอพีสตาร์เต็มเร็วขึ้น
ในส่วนอัตรากำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ระดับ 18-19%
"รายได้ในปีนี้ถ้าเป็นเปอร์เซ็นต์การเติบโตอาจจะน้อยกว่าปีที่แล้ว ที่เรามีรายได้เติบโต 26-27% ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปี 56 เนื่องจากเราเติบโตจากฐานที่ต่ำ ประกอบกับในปีที่แล้วเรามีรายได้จากดาวเทียมไทยคม และการขายช่องสัญญาณให้กับจีนได้เต็ม ทำให้เรามีรายได้เพิ่มเข้ามาอย่างก้าวกระโดด"นายวุฒิ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการยิงดาวเทียมใหม่อีก 3 ดวง โดยยังไม่ได้มีการระบุชื่อที่แน่นอน ซึ่งเบื้องต้นจะเป็นดาวเทียมสำหรับไอพีสตาร์ 2 จำนวน 1 ดวง และดาวเทียมสำหรับคอนเวนชั่นแนล 2 ดวง ซึ่งจะใช้ในการทำแพลทฟอร์มความบันเทิงและระบบไวไฟบนเครื่องบิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการศึกษาและมีการสำรวจความต้องการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมอยู่หากพบว่าความต้องการใช้มากกว่า 50% บริษัทจะมีการลงทุนและพัฒนาดาวเทียมดังกล่าวจริง คาดจะได้ข้อสรุปในช่วงกลางปี 58 โดยจะใช้เวลาในการพัฒนาประมาณ 3 ปี และเริ่มยิงดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรได้ในช่วงปี 62
“การศึกษาในส่วนของดาวเทียมใหม่ทั้ง 3 ดวงนี้ เราจะต้องมั่นใจว่ามียอดการจองมากกว่า 50% แล้วจึงเริ่มก่อสร้าง เนื่องจากจะต้องมั่นใจว่าบริษัทจะต้องมีกำไรจากการพัฒนาดาวเทียมดวงใหม่"นายวุฒิ กล่าว