และปีนี้จะมีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือหลายรุ่นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป เช่น Samsung อีกทั้งแบรนด์ iPhone ถือว่ายังขายได้ในระดับปกติ และสินค้าจากประเทศจีน เริ่มมีความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Vivo,Huawei,OPPO, lenovo เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งงบลงทุนรวมไว้ 4,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นในส่วนของ JMART จำนวน 500-1,000 ล้านบาท จะใช้ในการขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขาทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีสาขาอยู่ที่ 255 สาขา และการซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาใน 2 ธุรกิจ ประกอบด้วยธุรกิจสินค้าอิเล็คโทรนิกส์ และธุรกิจที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนให้กับ JMART และ JMT คาดว่าจะสามารถสรุปดีลได้ทั้งหมดในช่วงกลางเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้รายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามเงินที่จะนำมาซื้อกิจการดังกล่าวจะมาจากการเพิ่มทุนในครั้งที่ผ่านมา มองว่าน่าจะเพียงพอต่อการลงทุน ที่น่าจะต้องใช้เงินราว 500-600 ล้านบาท
นอกจากนี้จะใช้ในส่วนของ JMT ในการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร โดยเตรียมเงินลงทุนไว้ 2,000 ล้านบาท และ 500 ล้านบาท จะใช้ในธุรกิจไฟแนนซ์ อีกทั้งจะใช้ในการพัฒนาคอมมูนิตี้มอล ของ JAS อีกจำนวน 500 ล้านบาท
สำหรับสาขาในประเทศพม่า บริษัทฯได้วางงบลงทุนไว้ 30-40 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาเพิ่มเป็น 35 แห่งในปีนี้ จากปัจจุบันมีสาขาอยู่ที่ 22 สาขา โดยสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศยังคงมีอยู่น้อยมาก