ขณะที่บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่บริเวณด้านเหนือของกรุงเทพฯในปีนี้ และบริษัทฯตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ทั้งยอดขายใหม่และการรับรู้รายได้จากการโอนฯ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 57 ไม่น้อยกว่า 50%
นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 58 จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องโดยได้รับปัจจัยที่เอื้อต่อการขยายตัว อาทิ การคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย และทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และแนวโน้มของอสังหาริมทรัพย์แนวราบ (ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเจเอสพี) จะกลับมาเป็นที่นิยมมากขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา
สำหรับผลการดำเนินงานปี 57 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.57 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 847 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 502.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิที่ 130.2 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการสำเพ็ง 2 เฟส 1 และ 2 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ยอดขายสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.57 รวมทั้งสิ้น 4,026 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 4/2557 บริษัทฯสามารถสร้างยอดขายที่ระดับ 1,100 ล้านบาท โดยยอดขายที่เกิดขึ้นนั้นมาจากโครงการสำเพ็ง 2 ทั้ง 4 เฟส, รวมถึงการเปิดขายโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียมที่มียอดขายสะสม 800 ล้านบาท โครงการไมอามี่ บางปู ซึ่งมียอดขายสะสม 2,100 ล้านบาท และโครงการทิวลิปสแควร์ มียอดขายสะสม 810 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นไปตามที่เราได้คาดการณ์ไว้ โดย ณ สิ้นปี 57 บริษัทฯ มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ 7,264 ล้านบาทซึ่งทุกโครงการที่บริษัทฯ พัฒนาถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างมากทั้งอาคารพาณิชย์และคอนโดมีเนียม ด้วยทำเลที่มีศักยภาพตอบสนองความต้องการของลูกค้า"นายทนงศักดิ์ กล่าว