สำหรับความร่วมมือระหว่าง บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป กับบริษัทพีที อาทรี่ แปซิฟิค จำกัด (PT Atri Pasifik) (AP) ประเทศอินโดนิเซีย อันมีบริษัทมิตซูบิชิคอร์เปอเรชั่น จำกัด (Misubishi Corperation) ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ถือหุ้นร่วมในนามบริษัทอิชิตัน อินโดนิเซีย มีกำหนดวางจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มอิชิตันกลุ่มแรกในประเทศอินโดนิเซีย ภายในไตรมาส 2/2558 ทั้งหมดเพื่อสนับสนุนภาพรวมธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต โดยในปี 2558 นี้ วางเป้าหมายรายได้ 7,500 ล้านบาท
ผลประกอบการปี 57 บริษัทฯ มีรายได้รวม 6,209 ล้านบาท ลดลง 323 ล้านบาท (4.94%) จาก 6,532 ล้านบาท ในปี 56 อย่างไรก็ตามจากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการลดสัดส่วนว่าจ้างผลิต (OEM) ลงเหลือ 9% ประกอบกับการเสร็จสมบูรณ์ของโรงงานอิชิตันกรีนแฟคทอรี่ ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงถึง 1,000 ล้านขวด และ 200 ล้านกล่องต่อปี และการประสบความสำเร็จด้านกลยุทธ์ทางการตลาดที่ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะกลุ่มเย็นเย็น เก๊กฮวย และชาเขียวรส ชาติใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ในระดับที่น่าพอใจที่ 1,200 ล้าน บาท โตขึ้น 36% โดยหลังจากหักการตั้งสำรองผลขาดทุนจากการด้อยค่าสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าไบเล่ 121.5 ล้านบาท ตามมาตรฐานบัญชี กำไรสุทธิจะเท่ากับ 1,079 ล้านบาท เติบโต 22% จากปี 56 อยู่ที่ 883 ล้านบาท
ปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องดื่มทั้งระบบได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมหลายปัจจัยที่มีผลต่อการเติบโต โดยเฉพาะอากาศหนาวเย็นผิดปกติ 2 เดือนแรกของปี 57 และเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่กระทบต่อการลดลง 4.6% ของตลาดชาพร้อมดื่มซึ่งมีมูลค่า 15,405 ล้านบาท เมื่อเทียบ 16,141 ล้านบาท ในปี 56 อย่างไรก็ดี อิชิตันยังคงสามารถรักษาผลงานได้ดีเยี่ยมด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 มีส่วนแบ่งสูงถึง 43.8% สำหรับอันดับสอง คือ โออิชิ 37.7% อันดับสามคือ เพียวริคุ 7.5% และ อันดับที่สี่ คือ ลิปตัน 4.0% (ข้อมูล จากดัชนีตัวเลข ค้าปลีก Nielsen ม.ค.-ธ.ค.57)