พร้อมกันนั้น บริษัทจะเพิ่มรายได้จากธุรกิจมีเดียเข้ามาในสัดส่วนราว 11-12% ด้วยการเป็นผู้ให้บริการธุรกิจทีวีออนไลน์แบบ on demand ชื่อว่า Primetime ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ DNA ถือหุ้น 70% โดยบริษัทตั้งเป้ามียอดผู้ใช้บริการ 200,000 คนในปีนี้ และคาดหวังรายได้ 500 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทยังยกเลิกธุรกิจจำหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวิดิตอลที่ร่วมมือกับ One Box Home เนื่องจากยอดขายในปี 57 ทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายราว 30% จากที่วางไว้ ประมาณ 500,000 กล่อง ทำให้เกิดผลขาดทุนขึ้น และจะปรับลดจำนวนร้านสาขาของ DNA เหลือ 100 สาขา ซึ่งเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของบริษัทในปีนี้จะส่งผลทำให้รายได้ในปีนี้จะเติบโตขึ้นมากกว่าปีก่อนด้วย
นายสามารถ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 2-3 รายเพื่อร่วมมือกันในธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเฉพาะโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ยังไม่สามารถกำหนดได้แน่นอนว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อใด ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่ จ.เพชรบุรี กำลังการผลิต 6 เมกกะวัตต์ที่บริษัทได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น(MOU)เพื่อเข้าไปถือหุ้นแล้ว จากนี้ต้องมีการประเมินมูลค่าสินทรัพย์และผลตอบแทน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 300 ล้านบาทจากเงินเพิ่มทุนกว่า 1 พันล้านบาท และน่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในครึ่งปีหลังของปีนี้
“ธุรกิจใหม่หลังจากที่เราจะใช้เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนที่เราได้เงินมาก 1 พันกว่าล้านบาท ที่จะแน่ๆตอนนี้จะเป็นการเซ็น MOU ที่เราเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทแห่งหนึ่งที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะ ที่ได้เซ็นต์ไปแล้ว และคาดว่ารับรู้รายได้เข้าประมาณช่วงครึ่งปีหลังนี้"นายสามารถ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 1-2 รายเพื่อร่วมทุนและแตกไลน์ธุรกิจใหม่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในเดือน มี.ค.นี้ 1 ราย และอีก 1 รายคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงต้นไตรมาส 2/58