ขณะที่ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ปลดเครื่องหมาย SP และ NC สำหรับหุ้น BIG และอนุมัติให้หุ้นกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ในวันที่ 3 มี.ค.หลังได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯทำให้พ้นเหตุแห่งการเพิกถอน ซึ่งบริษัทมั่นใจในการนำหุ้นกลับมาซื้อขายวันแรกจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน หลังแตกพาร์ล่าสุดเหลือ 25 สตางค์/หุ้น
นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ BIG กล่าวว่า ปี 58 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10% จากปี 57 ที่ 3,452 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิคาดเติบโตทิศทางเดียวกับยอดขาย โดยปี 57 กำไรสุทธิที่ 137.03 ล้านบาท (เป็นกำไรสุทธิหลังจากหักการด้อยค่าจากการรวมกิจการครั้งเดียวจำนวน 38.15 ล้านบาท) ซึ่งคาดว่าปีนี้อัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 5.23% เป็นผลจากช่องทางของบริษัทที่มีอำนาจต่อรองสูงขึ้น
"ปีนี้คาดหวังยอดขายโต 10% ก็มั่นใจว่าจะทำให้ผลประกอบการยังเติบโตได้ทิศทางเดียวกับยอดขาย ขณะที่เราเป็นอันดับหนึ่งในตลาดยอดขายกล้อง ส่วน Net profit margin ในอนาคตที่จะสูงขึ้นเป็นผลจากที่บริษัทสั่งซื้อสินค้าเน้นวอลุ่มซื้อเยอะทำให้มีอำนาจต่อรองสูง และเมื่อเรามาขายมาร์จินก็จะดี จุดเด่นของบริษัทคือเป็นร้านค้าปลีก จัดจำหน่ายอุปกรณ์ถ่ายภาพครบวงจร มีครบทุกแบรนด์ และมีร้านบิ๊กโมบายแยกออกมาขายมือถือ เป็นศูนย์รวมครบวงจร(One Stop Service) เรามั่นใจว่ากล้องถ่ายภาพไม่มีจุดอิ่มตัว แม้ว่านักวิเคราะห์จารณาหลายบางคนบอกธุรกิจกล้องจะแย่เพราะมีสมาร์ทโฟนมาแชร์ แต่ผมมองเป็นการเอื้อกันมากกว่า"นายธนสิทธิ์ กล่าว
บริษัทตั้งงบลงทุนรวมในปีนี้ราว 100 ล้านบาท แบ่งเป็น 40 ล้านบาทใช้ขยายสาขา Big Camera เพิ่มอีก 10 แห่งและปรับปรุงสาขาเดิม ส่วนอีก 50 ล้านบาทเป็นงบการตลาดประชาสัมพันธ์ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายภายในปี 61 จะมีสาขาครบ 250 สาขา เน้นการเปิดสาขาไปกับห้างสรรพสินค้า เช่น เซ็นทรัล เดอะมอลล์ โรบินสัน เพราะลูกค้ามีกำลังซื้อสูง แต่ระหว่างทางอาจมีบางสาขาที่ปิดลงไปบ้าง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีสาขา Big Mobile จำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถืออีก 19 สาขา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเปิดสาขาเพิ่มหรือไม่ โดยปัจจุบัน Big Mobile มียอดขายไม่เกิน 2% ของยอดขายรวม
นายธนสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทยังมีขาดทุนสะสมเหลืออยู่ราว 220 ล้านบาท คาดใช้เวลา 2 ปีในการล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด
อนึ่ง ราคาหุ้น บมจ.ซันวู้ดอินดัสทรีส์ (SUN) เดิมก่อนถูกห้ามซื้อขายอยู่ที่ 5.00 บาท ที่มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 10.00 บาท/หุ้น จากนั้นหลังจากปรับโครงสร้างธุรกิจแล้ว บริษัทได้กำหนดมูลค่าที่ตราไว้(Par) ใหม่เป็น 0.25 บาท/หุ้น ซึ่งการกลับเข้ามาซื้อขายวันแรกจะไม่มีกรอบราคา (Ceiling & Floor) จึงมั่นใจว่าเข้าเทรดวันแรกจะตอบสนองนักลงทุนได้ดี เพราะเป็นแบรนด์ติดตลาดและมีลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง
ปัจจุบัน BIG ดำเนินธุรกิจลงทุนในกิจการอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัทแกนคือ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า จำกัด เป็นบริษัทย่อยถือหุ้น 100% และมีบริษัท บิ๊ก คาเมร่า(2001)จำกัด ขายโทรศัพท์มือถือ