“ช่วงนี้จึงเป็นหน้าที่ของผมในการเร่งหาโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ให้ได้ 100 เมกะวัตต์ ก่อนที่จะดันบ่อพลอย โซล่าร์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ"นายยุทธกล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมขยายตัว 15-20% กำไรสุทธิเติบโต 30% จากปี 2557 โดยในปีนี้ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มเป็น 50% จากเดิม 37.5% เนื่องจากเริ่มมีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น
“ในปีนี้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการแรกในประเทศญี่ปุ่นจะเปิดจ่ายไฟฟ้าได้ 8-12 เมกะวัตต์ โดยจะเริ่มทยอยเปิดเดินเครื่องตั้งแต่ต้นไตรมาส 1 ของปีนี้ และจะรับรู้รายได้เข้ามาทันที ทำให้ปีนี้รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่รับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยประมาณ 16 เมกะวัตต์ ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 30 เมกกะวัตต์ภายในปีนี้ และในปี 2559 จะเพิ่มเป็น 50-60 เมกะวัตต์"นายยุทธกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นไปตามแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศที่กำหนดจะทยอยสร้างโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น 6 โครงการ และยังคงมองหาลู่ทางการลงทุนเพิ่มเติม ในลักษณะของการร่วมทุน ภายในเงื่อนไข EPCO ต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
“เราได้เตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาทในปีนี้ สำหรับเดินหน้าโรงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น โดยใช้เงินจากทุนของบริษัท 25% เงินกู้สถาบันการเงิน 75%"นายยุทธ์กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนโซลาร์ รูฟ ซึ่งได้มีการเตรียมความพร้อมในการเช่าหลังคา และโกดัง เตรียมพร้อมรองรับไว้แล้ว เนื่องจากให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ
สำหรับธุรกิจโรงพิมพ์ นายยุทธ กล่าวว่า ยังคงเดินหน้าต่อไป เพราะยังสามารถมี EBITDA ปีละกว่า 150 ล้านบาท โดยล่าสุด EPCO จะได้รับงานพิมพ์เพิ่มเข้ามาอีก เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจของบริษัทขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาสที่ 2