"เราตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 770 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้ของ UREKA 600 ล้านบาทและบริษัทย่อยอีก 170 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของรายได้ UREKA จะมาจากรายได้ในประเทศ 400 ล้านบาท และรายได้ต่างประเทศ 200 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีกลยุทธ์ Organic growth จากการขยายตลาดในต่างประเทศและ Inorganic growth จากการซื้อกิจการ และร่วมทุนกับบริษัทที่ทำธุรกิจแตกต่างจากยูเรกา ดีไซน์ เพื่อให้สามารถเป็น one-stop service ให้ลูกค้ามาที่เดียวได้เครื่องจักรครบทั้งขบวนการผลิต" นายนรากร กล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (backlog) แล้ว 100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยส่งมอบสินค้าและรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีงานที่อยู่ระหว่างเจรจาอีกมูลค่า 100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทราบผลเร็วๆนี้
ส่วนการขยายการลงทุนในต่างประเทศนั้น คาดว่าจะสามารถเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศเวียดนามได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยประเมินว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต จึงมั่นใจว่าจะช่วยสนับสนุนฐานรายได้ในอนาคตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
“ปีนี้ UREKA มีแผนบุกทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ หลังจากในปีที่ผ่านได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมา 2 บริษัท คือ บริษัท ยูเรกา ออโตเมชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องจักรระบบอัตโนมัติ โดย EUREKA ถือหุ้น 59.99% และบริษัท ยูเรกา เทรดดิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจค้าปลีก เพื่อจัดหา จำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือ โดย EUREKA ถือหุ้น 79.99% ซึ่งทั้ง 2 บริษัทนี้จะช่วยเพิ่มช่องทางการหารายได้ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต นอกจากนี้ ในปีนี้เราเตรียมขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายฐานรายได้ โดยคาดจะเปิดสาขาที่เวียดนามเป็นสาขาที่ 3 ในต่างประเทศ หลังได้เปิดสาขาที่อินโดนีเซียและอินเดียไปแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี" นายนรากร กล่าวในที่สุด
สำหรับผลการดำเนินงานปี 57 บริษัทฯ มีรายได้รวม 310.19 ล้านบาท ลดลง 23% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 402.79 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 17.97 ล้านบาท ลดลง -137.40 % จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 48.03 ล้านบาท เนื่องจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยทำให้รายได้ลดลง และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มพนักงานในปี 57 เป็น 180 คน จากปี 56 ที่มีพนักงานเพียง 134 คน และ จากค่าใช้จ่ายดำเนินการที่สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และ อินเดีย