EA ตั้งงบลงทุนปีนี้กว่า 1.8 หมื่นลบ.ในโซลาร์ฟาร์ม-พลังงานลม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 2, 2015 16:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์(EA) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 58 ว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้จำนวน 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณเพื่อใช้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 90 เมกะวัตต์ใน จังหวัดพิษณุโลก มูลค่าลงทุนประมาณ 8,500 ล้านบาท ซึ่งวางแผนก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในปลายปีนี้ และเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าได้ในช่วงต้นปี 59

นอกจากนี้ ยังมีแผนการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 โครงการ ขนาดรวม 126 เมกะวัตต์ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 2 โครงการและสงขลาอีก 1 โครงการ มูลค่าลงทุนประมาณ 9,500 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทะยอยเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเฟสแรกได้ตั้งแต่ต้นปี 59 เป็นต้นไป

“เงินที่ใช้สำหรับการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมมูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท มาจากการกู้สถาบันการเงินและกระแสเงินสดของบริษัท โดยสถาบันการเงินพร้อมสนับสนุนสินเชื่ออย่างเต็มที่ เนื่องจากมีความมั่นใจในศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัท อันเป็นผลจากความสำเร็จในโครงการนครสวรรค์และลำปางที่พิสูจน์ความเชี่ยวชาญของทีมงานของบริษัทได้เป็นอย่างดี จนทำให้กระแสรายได้ของบริษัทมีความมั่นคงและสม่ำเสมอตามที่คาดการณ์ไว้มาโดยตลอด" นายอมร กล่าว

สำหรับการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 โครงการในภาคใต้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพลังงานลมที่บริษัทมีอยู่ทั้งหมด 8 โครงการ ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ครบทั้ง 8 โครงการแล้ว สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เหลืออีก 5 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ มีกำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 60 และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในช่วงปี 61

“ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จังหวัดลำปาง ขนาด 90 เมกะวัตต์ ได้ขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ บวกกับเทคโนโลยีในการติดตั้งระบบปรับทิศทางการรับแสงอาทิตย์ได้ จะส่งผลให้ EA มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1.9 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของรายได้และกำไรในปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้ามากขึ้นเป็น 40% ของรายได้รวม ซึ่งจะมาจากกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้า 3 แห่ง รวม 188 เมกะวัตต์ จากเดิมในปี 57 ที่มีรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าเพียง 30% ส่วนรายได้ธุรกิจไบโอดีเซลในปีนี้คาดว่าจะยังทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม กำไรของบริษัทจะมาจากธุรกิจไฟฟ้าเป็นหลักและมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 95%"นายอมร กล่าว

ขณะที่ผลประกอบการปี 57 ใกล้เคียงกับที่ได้คาดการณ์ไว้ กล่าวคือ มีกำไรสุทธิ 1,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 503% หรือ 5 เท่าจากปีก่อน และมีรายได้รวมทั้งสิ้นกว่า 7,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 90% ซึ่งโดยหลักเกิดจากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้านครสวรรค์เต็มปีเป็นปีแรก และจากการเพิ่มปริมาณการจำหน่ายไบโอดีเซลได้มากขึ้นถึง 30% และเพิ่มปริมาณการจำหน่ายกลีเซอรีนบริสุทธิ์ได้ถึง 82%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ