ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20% จากปีก่อนมีรายได้ 7,574 ล้านบาท เป็นการเติบโตมาจากการยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังทั้งในประเทศและต่างประเทศที่แนวโน้มเติบโตดี โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV (กัมพูชา, ลาว,เมียนมาร์ และเวียดนาม) ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ 30% และมองว่าตลาดต่างประเทศยังมีโอกาสเติบโตในทิศทางที่ดี
นอกจากนั้น บริษัทคาดอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะปรับเพิ่มเป็น 15% จากปีก่อนที่ 13% เนื่องจากภาระต้นทุนดอกเบี้ยลดลง หลังนำเงินจากขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป(IPO)เพื่อไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยราว 112 ล้านบาท/ปี ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีกำไรพิเศษจากดอกเบี้ยเงินฝากที่มีอยู่กว่า 1,000 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 600 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินลงทุนราว 400 ล้านบาทใช้ในการขยายกำลังการผลิตเครื่องดื่มชูกำลังชนิดกระป๋องเพื่อจำหน่ายในต่างประเทศ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 4/58 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 700 ล้านกระป๋อง/ปี จากปัจจุบัน 350 ล้านกระป๋อง/ปี และเงินลงทุนอีก 70 ล้านบาทจะใช้ขยายรถขนส่งอีก 100 คัน จากปัจจุบันมี 42 คัน เพื่อกระจายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเป็นลักษณะจุดขายเคลื่อนที่จะเน้นในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนเงินที่เหลือจะใช้ในการปรับปรุงเครื่องจักรและอื่นๆ
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทวางงบการตลาดไว้ที่ระดับ 9% ของยอดขาย โดยเป็นระดับปกติของบริษัทไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงแต่อย่างใด
พร้อมกันนั้น บริษัทมองหาโอกาสในการเติบโตในรูปแบบอื่นด้วย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรหลายรายเพื่อควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) โดยเจรจากับพันธมิตรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อต่อยอดธุรกิจ โดยบริษัทจะเน้นกลุ่มธุรกิจที่สร้าง Synergy ต่อ CBG ให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปและยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
"ดีล M&A เราก็มองอยู่ ที่ผ่านมาก็มีเข้ามาคุยเรื่อยๆทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะที่ฝ่ายวาณิชธนกิจของแบงก์ต่างๆ เอามานำเสนอ เราเองก็คงต้องดูว่าแบบไหนที่สร้าง Synergy ต่อ CBG ให้มากที่สุด แต่ตอนนี้เราคงตอบอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะอยู่ในขั้นศึกษาและเจรจาเท่านั้น" นายไพบูลย์ กล่าว