ทั้งนี้ กลุ่ม TK เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,800 คน และมีสาขาบริการรวม 90 สาขา ให้บริการลูกค้าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศเกือบ 300,000 ราย
นางสาวปฐมา กล่าวว่า สำหรับแผนการขยายงานในปีนี้ว่า TK จะขยายสาขาต่างจังหวัดเพิ่มอีก 4 แห่ง จากปัจจุบันที่มีสาขาทั้งสิ้น 90 สาขากระจายทั่วประเทศ โดยคาดว่ามูลค่าลูกหนี้จะเพิ่มขึ้นราว 3-5%
นอกจากนี้ การเปิดบริษัทใหม่อีก 2 บริษัทใน 2 ประเทศ คือประเทศกัมพูชา ภายใต้ชื่อ “Suosdey Finance PLC" และประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายใต้ชื่อ “Sabaidee Leasing Co.,Ltd" เพื่อประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยายยนต์และรถยนต์ นับเป็นหนึ่ง ในแผนกลยุทธ์องค์กร เพื่อผลการดำเนินธุรกิจที่เติบโตจากการขยายธุรกิจ ทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะ พัฒนาองค์กรเข้าสู่การรวมกลุ่มของประชาคมประชาชาติเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) อีกด้วย
นางสาวปฐมา กล่าวว่า TK มีความเชื่อมั่นว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ จะปรับไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่จะลงทุนด้าน สาธารณูปโภคพื้นฐาน การส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และอีกหลายโครงการ รวมถึงโครงการต่าง ๆ ที่ช่วยผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งของ AEC ซึ่งส่งผลให้เกิดกำลังซื้อของประชาชนภายในประเทศในอนาคต
ในด้านการบริหารจัดการธุรกิจ เพื่อผลประกอบการตามเป้าหมาย บริษัทฯ มีนโยบายที่รัดกุมในการบริการ สินเชื่อ ทั้งสินเชื่อรถจักรยานยนต์และสินเชื่อรถยนต์ โดยการคัดเลือกลูกค้าที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เมื่อภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว กลุ่มลูกค้าที่เคยมีปัญหา ก็จะกลับสู่สถานะปกติในที่สุด ลูกค้าที่มีปัญหาในการ ชำระเมื่ออดีตเริ่มกลับมาผ่อนชำระคืนตามปกติมากขึ้น ส่งผลต่อการรับรู้รายได้จากภาวะหนี้เสียกลับคืนมา
“TK เร่งตัดหนี้สูญอย่างเข้มงวด และตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญอย่างต่อเนื่อง และเมื่อภาวะเศรษฐกิจฟื้นหนี้สูญรับคืนก็จะสูงขึ้นตามลำดับ โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ สูงถึง 535 ล้านบาท หรือ 6.4% ของลูกหนี้เช่าซื้อสุทธิทั้งหมด ทำให้ TK มีลูกหนี้ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน ไม่ถึง 5% ของลูกหนี้ทั้งหมด" นางสาวปฐมา กล่าว