นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในเดือน มี.ค.58 จะแกว่งตัว Sideways โดยมีแนวต้านที่ 1,620 จุด และกรอบแนวรับที่ 1,540-1,560 จุด ปัจจัยสนับสนุนจากการเริ่มมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารกลางยุโรป (ECB)อย่างเป็นทางการ ทำให้คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้า(Fund flow)สู่ตลาดตราสารหนี้ไทยในปริมาณสูง และน่าจะมีบางส่วนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยช่วงที่ SET Index ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่มี Valuation น่าสนใจ
นอกจากนี้ ยังคาดการณ์การประชุม กนง.ในวันที่ 11 มี.ค.นี้ หากมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยมองเป็น Upside surprise ต่อดัชนี ตามปรากฏการณ์อัตราส่วนราคาต่อกำไรที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น (PE Expansion) ขณะเดียวกันความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk appetite) ของนักลงทุนรายย่อยยังคงอยู่ในระดับสูง หลังดอกเบี้ยเงินฝากภายในประเทศอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FOMC) ในวันที่ 17-18 มี.ค. ซี่งคาดว่ามีโอกาสจะถอดคำว่า"อดทน (Patient)" ออกจาก Statement ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดทุนทั่วโลก ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ยังคงมีการปรับลดประมาณการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ Valuation ของตลาดหุ้นไทยปรับตัวแพงขึ้นโดยปริยาย
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้น Sideways แนะนำให้มองหาหุ้นที่ไม่อิงกับภาวะตลาด ซึ่งหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จะมีโอกาสปรับตัวที่ดีกว่า (Outperform) หุ้นขนาดใหญ่ เนื่องด้วยระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ของนักลงทุนรายย่อยยังอยู่ในระดับสูง บวกกับ Valuation ของหุ้นกลุ่มนี้ยังมีความน่าสนใจกว่าหุ้นขนาดใหญ่ โดยหุ้นแนะนำในบทวิเคราะห์ The Big Picture จำนวน 20 บริษัท ได้แก่ GLOBAL, IFEC, VGI, TCAP, BJCHI, JMT, TMB, WHA, THAI, TRUE, ROBINS, SUPER, SGP, KKP, STA, CPF, CCP, MONO, FOCUS และ TPCH
"ผลตอบแทนของหุ้นที่แนะนำในเดือนกุมภาพันธ์ยังคงให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดอยู่ที่อัตรา 3.0% โดยมีการเปลี่ยนหุ้นระหว่างเดือน 7 คู่บริษัท ขณะที่ผลตอบแทนรวมของตลาด (SET Total Return Index) อยู่ที่ 0.7% ส่วนอัตราผลตอบทั้งหมดในระยะเวลา 56 เดือนของการจัดตั้งอยู่ที่ 791% เทียบกับ SET Total Return index ที่ 135%"นายณัฐชาต กล่าว