นอกจากนี้ บริษัทมองว่าเศรษฐกิจโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการที่เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นส่งผลดีต่อเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังพึ่งพาสหรัฐค่อนข้างมาก ข้อมูลล่าสุดพบว่าเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตอย่างมั่นคง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายคงจะยังไม่ปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก
"ปีนี้แผนของเราคือจะต้องมีค่าระวางเรือที่มากกว่าตลาด ซึ่งส่วนหนึ่งก็จะจากที่บริษัทฯมีลูกค้าใหม่จากประเทศออสเตรเลียที่มีเส้นทางการเดินเรือที่ไกลกว่าลูกค้าจากอินโดนีเซียที่หายไปบ้าง ส่งผลให้แนวโน้มค่าระวางเรือของบริษัทฯปรับตัวดีขึ้น ในขณะเดียวกันมองว่าเศรษฐกิจโลกผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมองว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมเดินเรือเริ่มปรับตัวดีขึ้น"นายคาลิด กล่าว
นายคาลิด กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทจะเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่สินทรัพย์จากการซื้อเรือต่อใหม่ที่มีเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และขายเรือเก่าที่มีเครื่องยนต์ที่สร้างมลพิษ โดยเรือเก่าและเรืออายุน้อยที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่จะขายในปีนี้มีทั้งหมด 21 ลำ คาดว่าจะมีกำไรจากการขายเรือเก่าดังกล่าวรวม 40-60 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่บริษัทมีแผนลงทุนซื้อเรือใหม่ในช่วง 2 ปีข้างหน้า (ปี 58-59) จำนวน 24 ลำ มูลค่า 540 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นปี 58 จะรับมอบเรือใหม่ 17 ลำ และปี 59 จะรับมอบเรือใหม่อีก 7 ลำ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีกองเรือเป็น 48 ลำ อายุเฉลี่ย 3.5 ปี ขนาดเฉลี่ย 50,000 เดทเวทตัน/ลำ ปัจจุบันบริษัทฯมีการจัดหาแหล่งเงินทุนแล้วกว่า 70% และเหลือหาแหล่งเงินกู้อีก 4 ลำ